2553-12-21

สูตรกาแฟโบราณ(ร้อน)

การแฟโบราณนั้นเป็นกาแฟ ที่นิยมดื่มกันมานาน เป็นการชงง่ายๆส่วนผสมมีไม่กี่อย่าง แต่มีเสน่ห์ เพราะเป็นเมนูดั้งเดิม ที่นับวันจะหาดื่มกันได้ยากขึ้นเรื่อยๆเพราะ มีเมนูกาแฟสมัยใหม่เข้ามาแทนที่
การชงกาแฟโบราณนั้นจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายเพราะต้องอาศัยประสบการณ์ในการชง สมัยก่อนไม่มีเครื่องชั่งตวง วัดที่แน่นอนต้องอาศัยการคาดคะเนที่แม่นยำเพื่อให้ได้รสชาติที่ดี กลมกล่อมอร่อยเหมือนกันทุกๆถ้วย วันนี้มีสูตรการแฟโบราณ(ร้อน) มาให้ลองทำดูครับ
กาแฟโบราณ
ส่วนผสม
กาแฟโบราณผสมสูตรพิเศษ 1 ทัพพี (3 ช้อนโต๊ะ)
น้ำร้อน 1 กระบวย (6 ออนซ์)
นมข้นหวาน 1 ออนซ์(3 ช้อนชาพูน)
ฟองนมสด 1 ออนซ์


วิธีทำ
1. ตักกาแฟโบราณลงในถุงชง จากนั้นเติมน้ำร้อนลงไปกรองไปมา 4 ครั้ง หรือมากกว่านั้นก็ได้
2. เทน้ำกาแฟ 2 ออนซ์ ลงในแก้ว
3. เติมนมข้นหวาน
4.ปิดหน้าด้วยฟองนม


***กาแฟโบราณผสมสูตรพิเศษ
การแฟตรางูเห่า สูตร2 400 กรัม+ การแฟสด สูตร medium 200 กรัม

2553-12-13

การบดกาแฟ

การนำเมล็ดกาแฟที่คั่วเสร็จแล้วไปทำให้ละเอียดจนกลายเป็นผงกาแฟนั้น ขั้นตอนนี้เรียกว่าการบดกาแฟ เวลาบดกาแฟจะเกิดกลิ่นหอมเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในกาแฟ ดัง นั้นเมื่อบคเสร็จแล้วนำกาแฟไปชงทันที กาแฟที่ขงได้ก็จะมีกลิ่นหอมเต็มที่แล้วควรจะบดผงกาแฟอย่างไร ควรจะบดให้หยาบหรือละเอียด จริงๆ แล้ว ความหยาบละเอียดของผงกาแฟจะแตกต่างกันไปตามวิธีการชงกาแฟ ระยะเวลาในการสกัด(ชง)ยิ่งสั้น ผงกาแฟที่บดต้องยิ่งละเอียด ระยะเวลาในการสกัด(ชง)ยิ่งนาน ยิงต้องบดผงกาแฟให้หยาบมากขึ้น
การบดกาแฟ

วิธีการบดเมล็ดซึ่งแบ่งตามความหยาบละเอียดได้เป็น 4 แบบคือ

บดหยาบ บดกลาง บดละเอียด และบดละเอียดมาก วิธีการขงกาแฟที่เเตกต่างกันก็จะต้องใช้วิธีการบดที่แตกต่างกันไปด้วย


1.บดหยาบ: ให้กับการชงแบบหยด เช่น เครื่องชงกาแฟสไตล์ อเมริกัน
2.บดกลาง : ใช้กับการชงด้วยกระดาษกรอง ตัวทำกาแฟแบบไซฟอน ตัวทำกาแฟแบบเฟรนช์เพรส
3.บดละเอียด: ให้กับการขงกาแฟแบบกลั่น เช่น โมค่าพอตเครื่องชงไอซ์ดริปคอฟฟี่
4.บดละเอียดมาก: ใช้กับการชงที่ให้แรงดัน เช่น เครื่องชง กาแฟเอสเพรสโซ่สไตล์อิตาลี

ถ้าอยากชงกาแฟให้ดีสักถ้วย ความหยาบละเอียดกาแฟเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เนื่องจากการสกัดสารละลายในผงกาแฟออกมามีระยะเวลาที่เหมาะสมของมันเอง ถ้าผงกาแฟละเอียดมากและใช้เวลาในการสกัดนาน ก็จะทำให้สารละลายที่มีรสชาติไม่พึงประสงค์ออกมามากเกินไป
จะค่อนข้างขม เข้มข้นแล้วความหอมก็จะหายไปด้วย แต่ในทางกลับกัน หากผงกาแฟหยาบมากและใช้เวลาสกัดนานเกินไป การสกัดสารละลายที่มีรสชาติดีก็จะทำได้ไม่เพียงพอ
กาแฟจะจืดและไม่มีรสชาติ

ดังนั้นถ้าอยากปรับความเข้มข้นหรือความจืดของกาแฟให้เหมาะสม เวลาชงกาแฟก็ควรใช้วิธีเพิ่มหรือลดปริมาณหรือไม่ก็เพิ่มหรือลดผงกาแฟ ซึ่งจะเหมาะกว่าการเปลี่ยนระดับความหยาบละเอียดของผงกาแฟนอกจากนี้ เนื่องจากผงกาแฟที่บดเสร็จแล้วจะดูดความชื้นในอากาศได้เร็ว ดังนั้นการเก็บรักษาผงกาแฟจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ข้อแนะนำทั่วๆ ไปก็คือ ทางที่ดีควรจะบดกาแฟ
เมื่อต้องการชง แต่หากบดไว้แล้วก็ต้องเก็บผงกาแฟไว้ในภาชนะที่ปิดไว้อย่างมิดชิด และควรจะใช้ให้หมดภายใน 1 สัปดาห์ไม่เช่นนั้นอาจจะมีผลต่อกลิ่นหอมและรสชาติของกาแฟ ได้

**ข้อควรระวังในการบดเมล็ดกาแฟ**
ต้องลดความร้อนในการบด เวลาบดกาแฟ หากเกิดความร้อนในการบด จะทำให้กลิ่นหอม
ของกาแฟกระจายออกมาเร็วเกินไป และมีผลต่อรสชาติในการปรุงกาแฟ
ขนาดของผงกาแฟต้องเท่ากัน ถ้าขนาดไม่เท่ากันจะทำให้คำนวณระยะเวลาในการชงที่
แน่นอนไม่ได้ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการบดกาแฟคือ ก่อนชงกาแฟ เนื่องจากผงกาแฟที่บดเสร็จ
แล้วจะมีพื้นผิวที่สัมผัสกับอากาศมากกว่าเวลาที่เป็นเมล็ดกาแฟ และเมื่อมีพื้นที่มาก การเกิด
ออกซิเดชั่น (oxidation) ก็จะยิ่งเกิดขึ้นได้เร็วเมื่อผงกาแฟเกิดการออกซิเดชั่น จะทำห้กลิ่น
หอมหายไป ถ้าไม่เก็บรักษาให้ดี ผงกาแฟก็จะเปลี่ยนรสชาติได้งาย และไม่สามารถชงกาแฟที่
มีกลิ่นหอมเข้มข้นได้


ในเมล็ดกาแฟมีน้ำมันอยู่ด้วย ในขั้นตอนการบดอาจจะมีคราบน้ำมันติดอยู่บนเครื่องบด
ได้ง่าย ดังนั้นหลังจากบดเสร็จแล้ว จะต้องทำความสะอาดเครื่องบดเมล็ด มิฉะนั้นหากทิ้ง
ใว้นานเกินไป น้ำมันก็จะยิ่งมากขึ้น ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืน โดยเฉพาะเมล็ดเกรดสูง หากนำ
มาบดโดยใช้เครื่องบดเมล็ดที่ไม่สะอาดก็จะมีกลิ่นเหม็นหืน และส่งผลต่อกลิ่นและรสชาติของ
กาแฟ ด้วย

ที่มา หนังสือ คู่มือการเปิดร้านกาแฟฉบับสมบรูณ์

2553-12-07

การหาข่าวสารข้อมูลในการเปิดร้านกาแฟ

coffee
การเปิดร้านกาแฟไม่ได้ง่ายเหมือนกับการขายของแผงลอยในตลาดสดไม่ใช่ว่าเพียงแค่ มีสินค้าดีๆ หรือทำเลดีๆ ก็เปิดร้านได้แล้ว ยังมีรายละเอียด ต่างๆอีกมากมาย ที่เราอาจจะคาดไม่ถึง ตั้งแต่การวางแผนเรื่องเงินทุน หาที่ตั้งร้าน การจดทะเบียน การตกแต่ง หาแหล่งวัตถุดิบ และยังต้องซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ทั้งตู้เย็นขนาดใหญ่ การเลือกเครื่องชงกาแฟ ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนต้องวางแผนเตรียมไว้ให้เรียบร้อยก่อนเริ่มงาน
ถ้าไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจหรือดูแลเปิดร้านกาแฟมาก่อนก็อย่าเพิ่งตัดสินใจพลันด่วนเลย
ควรศึกษาข้อมูลให้มากและลองฟังประสบการณ์จากคนรุ่นเก่าดูที่เปิดร้านกาแฟ พูดคุยกับคนที่ทำงาน
ด้านกาแฟหรือผู้เชี่ยวชาญในการทำธุรกิจด้านกาแฟ หรืออาจจะใช้บริการการให้คำปรึกษาในการทำธุรกิจที่รัฐบาลจัดเตรียมไว้ให้โดยไม่คิดค่าบริการก็ได้ ทำความเข้าใจขั้นตอนการเปิดกิจการหรือความรู้ที่เกี่ยวข้องที่จำเป็นต้องรู้ รวมไปถึงจุดที่ต้องระมัดระวัง และประเมินดูว่าคุณเหมาะกับการเป็นเจ้าของกิจร้านกาแฟหรือไม่?
ธุรกิจร้านกาแฟนี้เหมาะกับคุณหรือไม่ เพื่อลดโอกาสความผิดพลาดจากการเปิดกิจการด้วยความฮึกเหิมมากเกินไป


ช่องทางการหาข่าวสารข้อมูลในการเปิดร้านกาแฟ

1.สอบถามข้อมูลจากผู้ประกอบการร้านกาแฟ
คุณคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า "ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ก็ต้องเรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ" โดยให้ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการเปิดร้านกาแฟเป็นครู ต้องลองหาคำแนะนำจากคนที่คุณคิดว่าประสบความสำเร็จในการเปิดร้านกาแฟ เก็บเกี่ยวหลักสำคัญในการเป็นเจ้าของร้านกาแฟ เรียนรู้ประสบการณ์ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ เพื่อให้การเปิดร้านกาแฟของคุณ ราบรื่นมากยิ่งขึ้น

2.ศึกษาจากตัวแทนจำหน่ายเมล็ดกาแฟและเครื่องชงกาแฟ
คุณอาจจะได้ทยอยติดต่อกับบริษัทจัดจำหนายบางแห่ง เช่น บริษัทตัวแทนจำหน่ายเมล็ดกาแฟและเครื่องชงกาแฟ เพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือจากคนเหล่านั้น รวมไปถึงประสบการณ์ที่พวกเขาเคยเห็นจากการเปิดร้านของหลายๆคน อาจจะช่วยแก้ไขปัญหาและข้อควรระวังบางอย่างในการเปิดร้านกาแฟได้ ผู้ที่มีประสบการณ์มากมาย จะสามารถให้การช่วยเหลือและให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการร้านกาแฟได้เป้นอย่างดี
แล้วเราก็นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสียอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจเสียก่อนว่าการเปิดร้านกาแฟไม่ใช่การหาเงินอย่างง่ายๆหรือสบายๆ และทำให้รู้ว่าตัวเองเหมาะที่จะเปิดร้านกาแฟหรือไม่?

**แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ บริษัทเหล่านี้อาจจะอยากทำการค้าจึงอธิบายเพียงข้อมูลด้านดีบางส่วนเพื่อเร่งให้คณรีบเปิดร้านจากนั้นก็ซื้อสินค้าจากพวกเขาโดยที่ยังใม่ได้วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียให้ละเอียด ดังนั้นจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ต้องสอบถามจากหลายๆ แห่ง และหาข้อมูลจากบริษัทตัวแทนจำหน่ายแต่ละแห่ง และทางที่ดีก็ควรจะถามถึงตัวอย่างความล้มเหลว ด้วย

3.หาที่ปรึกษา้ำในการประกอบการร้านกาแฟ
ที่ปรึกษาด้านการเปิดกิจการสามารถให้คำแนะนำได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถหาข้อมูลของตลาดที่อูกต้อง
แม่นยำให้ได้ พวกเขาจะประเมินตั้งแต่ก่อนเปิดร้านไปจนถึงเรื่องทำเลที่ตั้ง รวมทั้งเป็นตัวแทนจัดการเรื่องตางๆ เช่นการจัดตั้งบริษัท การเสียภาษี เป็นต้น เพียงแค่จ่ายเงินก็สามารถทำได้แล้ว เจ้าของกิจการไม่จำเป็นต้องกังวลมาก แต่โดยปกติแล้วจะเรียกเงินไม่น้อยเลยเช่นกัน สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มทำกิจการนั้นก็นับว่าเป็นต้นทุนที่ไม่น้อยเลยที่เดียวแต่เมื่อที่ปรึกษาช่วยให้คุณเปิดร้านได้สำเร็จแล้ว ก็ยังไม่อาจรับประกันได้วาต่อไปกิจการจะเจริญรุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมา อยู่ที่ว่าที่ปรึกษาทีคุณหาได้นั้น มีความเชี่ยวชาญมากน้อยเพียงใด หรือพวกเขามีข้อมูลที่ละเอียดแม่นยำหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ก็อาจส่งผลต่อการดำเนินกิจการได้เช่นกัน

4.หาหน่วยงานบริการของรัฐ
อันนี้เป้นตัวเลือก ที่ถ้าไม่อยากใช้เงินมากเกินไปและมีเพื่อนที่ทำงานด้านนี้อยู่น้อย ก็สามารถไปหาหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาเรื่องการเปิดกิจการหรือสมาคมธุรกิจขนาดเล็กทีรัฐบาลจัดตั้งขึ้นได้ โดยหน่วยงานเหล่านี้จะไมคิดค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปิดกิจการ การกู้ยืมเงินลงทุน และการให้คำแนะนำ เป็นต้น รวมไปถึงข้อมูลอีคอมเมิร์ซ จัดหาเงินกู้ยืมเพื่อเเก้ไขปัญหา ช่วยเขียนโครงการเพื่อกู้ยืมเงินลงทุน ช่วยดูแนวโน้มในการพัฒนาการการ ท่าทีของตลาดรวมทั้งข่าวสารที่เกี่ยวข้องให้รอบริการการติดต่อระหว่างหน่วยงานเพื่อหาข้อมูลและคำแนะนำ

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานรัฐบาลมักจะถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์อยู่เป็นประจำเรื่องประสิทธิภาพและความล่าช้า หากมีเวลาเตรียมตัวนานเพื่อให้ได้ผลต่ำก็สามารถติดต่อกับหน่วยงานให้คำปรึกษาในระยะยาวได้ และอาจได้รับข้อมูลและความช่วยเหลือที่ดีมากด้วย หรืออาจจะติดต่อเจ้าของร้านที่ประสบความสำเร็จบางคนโดยผ่านหน่วยงานเหล่านี้เพื่อหาข้อมูล ด้วยก็ได้

2553-11-23

เคล็ดลับการออกแบบร้านกาแฟ



การตกแต่งร้านกาแฟก็จะมีสไตล์ที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นสไตล์โมเดิร์น สไตล์ยุโรป สไตล์คันทรี
หรือจะเป็นแบบอเมริกัน แบบเมดิเตอร์เรเนียนหรือแบบจีน แต่สิ่งสำคัญคือจะต้องแสดงจุดเด่นและรูปแบบร้านกาแฟในแบบของตัวเองออกมา แต่ตอนที่เจ้าของกิจการจะหาร้านกาแฟ ร้านที่หาไว้ก็ไม่แน่ว่าจะดึงดูดผู้คนได้ ดังนั้นร้านกาแฟนอกจากจะต้องมีการออกแบบ ตกแต่งที่โดดเด่นแล้ว ยังต้องมีความกลมกลืนกับปัจจัยต่างๆของร้านอีกด้วย เช่นจะเปิดร้านแบบใด เคาน์เตอร์บาร์ตั้งอยู่ตรงไหน จะวางตำแหน่งของโต๊ะและเก้าอี้อย่างไร จัดไฟแบบไหน เหล่านี้เป็นต้น จุดที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากไม่ระมัดระวัง ก็อาจจะทำให้บรรยากาศและความรู้สึกภายในร้านไม่เหมาะสม เเละกลายเป็นข้อผิดพลาดในการออกแบบใปใด้

การออกแบบพื้นที่ร้านกาแฟ
สำหรับการก่อสร้างบ้านนั้น มีโครงสร้างมากมายแตก ต่างกันไป โครงสร้างของบางด้านเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส บางร้านก็ เป็นแบบแคบแต่ลึก ร้านที่เป็นแบบแคบและลึกนั้นบางแห่งก็มีหน้าร้านที่กว้างมาก เขตความลึกน้อย บางแห่งก็มีหน้าร้าน แคบแต่มีความลึกมาก ดังนั้นโครงสร้างที่แตกต่างกันนี้ จึงมีผลต่อทิศทางและตำแหน่งของพื้นที่ รวมทั้งการออกแบบร้านและยังอาจส่งผลต่อขั้นตอนการทำงานภายในร้านอีกด้วย โดยทั่วไปแล้ว การเลือกร้านต้องเลือกร้านที่มีหน้าร้านกว้าง ส่วนความลึกก็ไม่ต้องลึกมากเกินไป เพราะว่าร้านที่อยู่ริมถนน หากมีหน้าร้านที่กว้าง ลูกค้าที่อยู่ด้านนอกก็จะมองเห็นบรรยากาศภายในร้านได้ง่าย ถ้าหน้าร้านกว้างมากก็ควรจะทำประตูไว้ตรงกลาง เมื่อแขกเข้ามาในร้านก็จะสามารถเห็นสภาพแวดล้อมภายในร้านได้ทั่ว หากเป็นร้านที่มีหน้าร้านค่อนข้างแคบแต่ลึก ทางที่ดีก็ควรติดประตูไว้ทางด้านข้างนอกจากนี้ยังมีร้านที่มีขนาดใหญ่อีกด้วย ร้านแถบนี้ควรติดประตูไว้ตรงกลาง หากเป็นร้านขนาดเล็ก ประตูควรจะอยู่ ทางด้านข้างทั้งสองด้าน เพื่อเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

จัดตำแหน่งที่ดีที่สุด สำหรับเค้าท์เตอร์บาร์
การติดตั้งเคาน์เตอร์บาร์กาแฟที่ดีควรจะอยู่ใกล้ๆประตู เพราะว่าโดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าของร้านและพนักงาน
ส่วนมากจะทำงานและรอลูกค้าอยู่บริเวณเคาน์เตอร์บาร์ หากเคาน์เตอรบาร์อยู่ใกล้ทางเข้า เมื่อแขกเข้ามา เจ้าของร้านไม่สามารถเอ่ยทักทายลูกค้าได้ในทันที โดยที่ตนเองก็สามารถทำงานอยู่ภายในเคาน์เตอร์บาร์ไปด้วย หากลูกค้ามีข้อสงสัยต้องการสอบถาม ก็สามารถหาคำตอบได้ในทันที แต่หากเคาน์เตอร์บาร์อยู่บริเวณด้านในสุดของร้าน บางทีเมื่อแขกเข้ามาในร้านแล้วมีข้อสงสัย ก็อาจจะไม่กล้าเดินเข้าไปถาม จึง
หันหลังกลับ แล้วเดินออกจากร้านไป และหากเคาน์เตอร์บาร์อยู่ด้านใน เจ้าของร้านละพนักงานก็อาจจะต้องละมือจากงานที่ทำอยู่ เพื่อเดินมาต้อนรับลูกค้าหรือรับออเดอร์ ซึ่งไม่สะดวกเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการบริการลูกค้า

จัดที่นั่งอย่าให้แออัด
ร้านกาแฟที่จำหน่ายอาหารโดยทั่วไปจะต้องใช้ไฟสำหรับวางอาหารด้วย ดังนั้นโต๊ะที่ใช้จึงต้องกว้างกว่าโต๊ะที่ มีในร้านที่ขายเฉพาะกาแฟเพียงอย่างเดียว เพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้่ืสึกอึดอัดในขณะรับประทานอาหาร นอกจากนี้ในช่วงเวลารับประทานอาหารที่มีลกค้าค่อนข้างมาก ก็อาจจะเพิ่มโต๊ะและเก้าอึ้เข้าไปได้ึ้ แต่หากโต๊ะใหญ่ มีที่นั่งมากเกินไป ภายในร้านอาจจะดูอึดอัด และดูเสียงดังอึกทึกครึกโครม โดยส่วนใหญ่แล้วลูกค้าที่มาใช้บริการร้านกาแฟหวังว่าจะมาหาพื้นที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบ ดังนั้นทางที่ดีช่องว่างระหว่างโต๊ะควรจะห่างกันสักเล็กน้อย ควรออกแบบที่น่งไม่ให้แออัดจนเกินไป ร้านกาแฟทั่วไปอาจจะมีโต๊ะและเก้าอี้จัดเป็นชุดไว้สำหรับ
สองคน สามคน และสี่คน ที่นั่งสำหรับ 2 คนอาจจะใช้พื้น 1 ตารางเมตร ที่นั่งแบบ 4 คนอาจจะประมาณ
1.5 ตารางเมตร การออกแบบพื้นที่ และกำหนดจำนวนที่นั่งตามตัวอย่างที่กล่าวมานี้ จะทำให้พื้นที่ภายในร้านไม่คับแคบและแออัดจนเกินไป

ใช้ไฟและสีสันอย่างชาญฉลาด
บางครั้งการตกแต่ง ไม่จำเป็นต้องออกแบบให้โดดเด่นมากนัก หากสามารถใช้เทคนิคเรื่องไฟและสีสันมาช่วย ก็อาจจะทำให้ข้อบกพร่องในการประดับตกแต่งกลายเป็นจุดเด่นในการออกแบบขึ้นมาได้ และช่วยลด
ค่าใช้จ่ายในการออกเเบบและการตกแต่งไปได้บางส่วน โดยทั่วไปแล้วลูกค้าที่มาใช้บริการร้านกาแฟหวังว่าจะมานั่งครุ่นคิดหรืออยู่เงียบๆ ภายในร้าน ดังนั้นไฟและโทนสีของร้านกาแฟจะต้องค่อนข้างนุ่มนวล สีสันต้องดูลุ่มลึก ไม่กว้างจนเกินไปแต่หากลักษณะของกิจการมีลักษณะเหมือนร้านกินดื่ม ก็สามารถใช้แสงที่ค่อนข้างกว้างและใช้สีสันสดใสได้

ความสูงของเค้าท์เตอร์บาร์
การออกแบบเคาน์เตอร์บาร์ก็มีผลต่อวิธีการให้บริการของร้านเช่นกันเคาน์เตอร์บาร์ของร้านอาหารทั่วไปจะออกแบบมาค่อนข้างสูง ถ้าด้านหน้าเคาน์เตอร์บาร์มีที่นั่งอยู่ ก็มักจะมีเก้าอี้ทรงสูงวางอยู่ด้วย เพื่อให้แขก
ที่เคยชินกับการพูดคุยกับเจ้าของร้านได้นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ ดื่มกาแฟและคุยกับเจ้าของร้านไปด้วย เคาน์เตอร์บาร์ลักษณะนี้ให้ได้กับร้านกาแฟทุกรูปแบบ แต่หากเป็นการบริการแบบบริการตัวเองหรือกึ่งบริการ
ตัวเอง จะด้องออกแบบเคาน์เตอร์บาร์ให้เตี้ยสักเล็กน้อย เพื่อให้ลูกค้าสะดวกในการสั่งอาหาร ออกอาหารและรับอาหาร ซึ่งจะสามารถสื่อสารและให้บริการกับลูกค้าได้อย่างดี
โดยทั่วไปเิค้าน์เตอร์บาร์จะแบ่งเป็น ด้านหน้าเคาน์เตอร์บาร์และด้านหลังเค้าน์เตอร์บาร์ การออกแบบและวิธีการทำงานบริเวณเคาน์เตอร์บาร์จะมีผลต่อการควบคุมขั้นตอนการผสมเครื่องดื่มกาแฟ เคาน์เตอร์บาร์จึงสำคัญที่สุดในร้านกาแฟ การออกแบบเคาน์เตอร์บาร์ทางที่ดีควรหาสถาปนิกที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเคาน์เตอร์บาร์หรือสถาปนิกที่มีประสบการในการออกแบบเิค้าน์เตอร์บาร์มาออกแบบให้ จึงจะได้เคาน์เตอร์บาร์ที่ตรงกับความต้องการและประโยชน์สอยของร้านกาแฟ

ใช้อุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟในการตกแต่งร้านกาแฟ
การจะทำไห้ลูกค้ามองจากนอกร้านแล้วรู้ว่าร้านแห่งนี้เป็นร้านกาแฟนั้น นอกจากป้ายชื่อร้านและกระดานเเล้ว ควรโช้อุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟมาประกอบด้วย เช่น ตกแต่งตู้โชว์สินค้าด้วยถ้วยกาแฟ เครื่องชงกาแฟ
หรือเครื่องบดเมล็ดกาแฟ หรืออาจจะวางเครื่องคั่วเมล็ดกาแฟสักเครื่องเอาไว้ ไม่เพียงแต่จะเป็นส่วนหนึ่งในการตกแต่งสถานที่เท่านั้น ลูกค้าเห็นก็จะรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากด้วย และกลายเป็นการ โฆษณาหรือกลายเป็นป้ายชื่อร้านที่มีชีวิตไปโดยปริยาย

2553-11-03

ถ้วยกาแฟ

ถ้วยกาแฟ

ถ้วยกาแฟเป็นอุปกรณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเปิดร้านกาแฟ ซึ่งขาดไม่ได้เลย การเลือกใช้ถ้วยกาแฟมีผลต่อสุนทรียภาพในการดื่มกาแฟ

กาแฟที่ชงเสร็จแล้วต้องนำไปเสิร์ฟให้ลูกค้า ดังนั้นควรจะบรรจุในห้วยที่ทำให้คนประทับใจและตกตะลึง โดยเฉพาะ เวลาทีผู้หญิงหลายคนจะเปิดร้านกาแฟ แน่นอนว่าจะต้องซื้อถ้วยกาณฟสวยงามมากมาย โดยหวังว่าแขกจะประคองถ้วย กาแฟที่ตัวเองตั้งใจเลือกชื้อมา แล้วเพลิดเพลินกับรสอร่อยของกาแฟ แต่สุดท้ายแล้ว

การเปิดร้านกาแฟย่อมแตกต่างจากการ ดื่มกาแฟที่บ้านของตัวเอง ขนาดและคุณภาพของวัสดุที่ใช้ทำถ้วยกาแฟในท้องตลาดนั้นมีมากมายแตกต่างกัน และเหมาะ กับชนิดและความเข้มข้นของกาแฟที่แตกต่างกันไปด้วย เราสามารถเลือกบรรจุกาแฟลงในถ้วยขนาดต่างๆ กันได้ ดังนั้น เวลาเลือกซื้อถ้วยจึงมีหลายๆ สิ่งที่ต้องระมัดระวัง

โดยทั่วไปถ้วยกาแฟกับถ้วยชาจะมีลักษณะคล้ายกันมาก จนคนทั่วไปแทบจะแยกไม่ออก แต่หากรู้จุดเด่นที่จะกล่าวถืงด้าน ล่างนี้แล้ว ก็จะสามารถแยกแยะถวยกาแฟกับถ้วยชาได้อย่างง่าย ดาย

*ถ้วยชา. ก้นถ้วยตื้น ปากถ้วยกว้าง เนื้อแก้วค่อนข้างเบามีความแวววาว
*ถ้วยกาแฟ. ปากถ้วยแคบ เนื้อแก้วหนาและหนัก ไม่ค่อยวาว


หลักสำคัญในการเลือกถ้วยกาแฟ
. ด้านในของด้วยควรจะเป็นสีขาว จึงจะสามารถดูและทดสอบสีของกาแฟที่ชงออกมาได้อย่างชัดเจน
. ต้องเลือกด้วยที่มีเนื้อละเอียด เพราะถ้วยที่เป็นพื้นผิวเรียบละเอียดจะมีลายเส้นน้อย ทำให้ไม่มีเศษกาแฟตกค้างทำความสะอาดง่ายและถูกสุขลักษณะอีกด้วย
. ควรเลือกซื้อถ้วยกาแฟที่เป็นดินเผาหรือเครื่องเคลือบจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีกรดหรือเกิดปฏิกิริยาทางเคมีหรือภาชนะลอกได้ง่าย


ความแตกต่างระหว่างถ้วยโบนไชน่า(Bone Chaina) กับถ้วยทั่วๆไป
เาของร้านกาฟที่ยืนยนวาอยากให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกาฟคุึณภาพสูงล้วนต้องตั้งใจที่จะเลือกใช้ถ้วยโบนไชน่า ทำจากวัสดุชั้นดี เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มลองกาแฟ โดยทั่วไปแล้ว ถ้วยโบนไชน่าหนึ่งชุดจะมีราคาแพง
ถ้วยโบนไชน่านอกจากเรื่องคุณภาพเเละความสวยงามแล้ว ยังมีข้อดีอีกมากมาย เช่นความแวววาวที่เหมาะสม เก็บความร้อนได้ดีมาก ข้อดีเหล่านี้แตกต่างจากถ้วยทั่วๆ ไปในท้องตลาด โดยเฉพาะเรื่อง การเก็บความร้อนและการทนความร้อนเป็นสิ่งที่ถ้วยทั่วๆไปทำได้ไม่ดี


เปรียบเทียบถ้วยกาแฟขนาดต่างๆ
-ถ้วยกาแฟขนาดเล็ก. ปริมาณบรรจ 6o cc -9o cc. ถ้วยกาแฟที่เล็กที่สุด คือถ้วยขนาดเล็กที่ใช้บรรจุกาแฟเอสเพรสโซ่

-ถ้วยกาแฟมาตรฐาน. ปริมาณบรรจุ 12o cc 14o cc เป็นถ้วยขนาดมาตรฐานที่พบโดยทั่วไป ใช้บรรจุกาแฟดำ
-ถ้วยกาแฟขนาดใหญ่ ปริมาณบรรจุ 18o cc.-200 cc เป็นถ้วยกาแฟที่มักจะเห็นอยู่บ่อยๆ ใช้บรรจุกาแฟสไตล์อเมริกันและกาแฟซิงเกิลออริจิ้นที่ต้องเติมนมหรือน้ำตาล

-ถ้วยมัก (mug) ปริมาณบรรจุ 200 cc -250 cc ใช้กับกาแฟที่เติมนมในปริมาณมาก เช่น ลาเต้ คาเฟ่โอเล่ มอคค่า เป็นต้น

อุปกรณ์กาแฟหาซื้อได้จากที่ไหน
เวลาที่หลายๆ คนไปดื่มกาแฟที่ร้านกาแฟอาจจะติดใจถ้วยชามและอุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟรูปแบบต่างๆ ทั้งความสวยงาม คลาสสิคและหรูหราที่เจ้าของร้านตั้งใจเลือกซื้อมา

จนบางครั้งคนที่คิดอยากจะเปิดร้านกาแฟกอยากรู้ว่าจะไปหาซื้ออุปกรณ์เกี่ยวกับกาเเฟที่ทำให้คนตกตะลึงเหล่านี้ได้จากที่ไหน

ร้านขายกาแฟโดยเฉพาะ
ร้านที่ขายกาแฟโดยเฉพาะที่มีชื่อเสียง ร้านเหลานี้ ล้วนจำหน่ายถ้วยและภาชนะด้วย นอกจากผู้บริโภคทั่วไป แล้ว ยังมีเจ้าของกิจการจำนวนไม่น้อยที่มาเลือกซื้อจากร้านเหล่านี้

แผนกเครื่องครัวหรือแผนกกาแฟในห้างสรรพสินค้า
ภายในประเทศก็มีภาชนะบรรจุกาแฟนำเข้าคุณภาพดีจำหน่ายด้วยเช่นกัน ส่วนใหญ่ถ้วยโบนไชน่าจะมีราคาแพงและเป็นยี่ห้อที่มีชื่อเสียงของต่างประเทศ ส่วนมากจะหาซื้อได้ในห้างสรรพสินค้า หากเจ้าของกิจการร้านกาแฟไปเลือกซื้อที่ห้างสรรพสินค้าเอง ก็ จะได้สินค้าที่มีคุณภาพน่าพอใจ

บริษัทตัวแทนจำหน่ายเมล็ดกาแฟและเครื่องชงกาแฟ
บริษัทเมล็ดกาแฟบางแห่ง นอกจากเมล็ดกาแฟแล้วก็ยังมีอุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟ จำหน่ายด้วย เช่นเครื่องชงกาแฟและภาชนะบรรจุกาแฟ การเลือกซี้อจาก ตัวแทนจำหน่ายเหล่านี้ก็สามารถหาอปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟที่
คุณต้องการได้เช่นกัน หากต้องการในปริมาณมากก็อาจหาชื้อจากตัวแทนจำหน่ายเหล่านี้ได้

บริษัทขายส่งและบริษัทนำเข้าเครื่องครัวและภาชนะกาแฟ
เช่นบริษัทขายส่งอุปกรณ์กาแฟที่มีชื่อเสียงหรืออาจจะพิมพ์ คำว่า "อุปกรณ์กาแฟ, ขายส่ง ,ตัวแทนจำหน่าย นำเข้ากาแฟ” ใน อินเตอร์เนตก็จะพบข้อมูลบริษัทนำเข้าและบริษัทตัวแทนจำหน่ายที่เกียวข้องอีกมากมาย

งานแสดงสินค้าหรือโรงงานผลิตภาชนะในต่างประเทศ
ถ้าคุณไปเที่ยวต่างประเทศอยู่บ่อยๆ และชอบไปเดินเล่น ตามงานแสดงสินค้าต่างๆ และร้สืกตกตะลึงกับงานศิลปะ หัตถกรรมของต่างประเทศ ดังนั้นเมื่อวางแผนว่าจะเปิดร้านก็ สามารถถือโอกาสตอนไปต่างประเทศ ไปหาภาชนะที่คุณชื่น ขอบได้ แน่นอนว่าคงจะมีตัวเลือกอยู่ไม่น้อยเลย หรืออาจจะ ไปเลือกซื้อที่ร้านขายภาชนะโดยเฉพาะที่มีโรงงานผลิตอยู่ใน ต่างประเทศก็ได้ ราคาอาจจะถูกกว่าซื้อของนำเข้ากับของ
ภายในประเทศ เล็กน้อย


ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ คู่มือการเปิดร้านกาแฟฉบับสมบรูณ์

2553-10-15

เตรียมตัวเป็นเจ้าของร้านกาแฟ

ร้านกาแฟ
คิดอยากจะเป็นเจ้าของร้านกาแฟจะต้องมีเงินลงทุนในการเปิดร้าน หาผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟสักคนมาช่วยคุณดูแลร้าน หรือไม่เอย่างนั้นคุณก็ต้อง เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟเสียเอง ในเมื่อต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ แน่นอน คุณเองจะต้องเรียนรู้เรื่องกาแฟ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพูนความรู้ การฝึกฝนเทคนิคล้วนต้องใช้เวลาและมีความยากลำบากทั้งสิ้น ตั้งแต่การหาร้านสักแห่งเพื่อเริ่มต้นเรียนรู้ หรือ จ้างอาจารย์มาสอนเทคนิคหรือคุณอาจจะจ่ายเงินเพื่อเข้า คอร์สฝึกฝนอย่างเป็นทางการก็ได้ แล้วแต่ว่าจะตัดสินใจเลือกทางใด เราลองมาดูสิว่ามีวิธีเตรียมตัวเป็นเจ้าของร้านกาแฟอย่างไรบ้าง

วิธีการฝึกฝนให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ
หนังสือต่างๆ เกี่ยวกับกาแฟไม่ว่าจะเป็นการผลิตกาแฟวัฒนธรรมกาแฟ การคั่วกาแฟ อุปกรณ์กาแฟ หรือการสอนว่าจะเป็นบาริสต้าได้อย่างไร เป็นต้น ในหนังสือเหล่านี้ล้วนมี ความรู้และเทคนิค รวมไปถึงการถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆอยู่มากมาย หากมีความสามารถด้านภาษาต่างประเทศ คุณอาจจะสามารถเลือกอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศ เลยก็ได้ เนื่องจากกาแฟที่มีต้นกำเนิดในต่างประเทศนั้นมีประวัติศาสตร์ค่อนข้างยาวนาน ดังนั้นหนังสือภาษาต่างประเทศจึงมีข้อมูลมากเพียงพอให้ศึกษาเรียนรู้ และทำให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดถูกต้องอีกด้วย ทั้งความรู้พื้นฐานเรื่อง เมล็ดกาแฟ ลักษณะเด่นในการผลิต วิธีการปรุงกาแฟ
โครงสร้างของเครื่องชงกาเเฟ เป็นต้น เมื่อออกแรงในการเรียนอย่างมากมาย ก็ได้รับความรู้ที่ไม่อาจประเมินค่าได้จากหนังสือเหล่านั้น จนกลายเป็นเจ้าของร้านกาแฟได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีอาจารย์คอยแนะนำ ปัจจุบันหนังสือเกี่ยวกับกาแฟในท้องตลาดโดยส่วนใหญจะแปลมาจากภาษาญี่ปุ่นหรือไม่ก็เป็นหนังสือที่เขียนโดยชาวอเมริกาหรือยุโรป ถ้าเจ้าของกิจการมีความสามารถทางภาษา
ต่างประเทศก็สามารถศึกษาจากหนังสือต้นฉบับได้โดยตรง

เรียนจากเจ้าของร้านกาแฟ
อาจจะลองมองหาเจ้าของร้านกาแฟสักคนที่คุณชื่นชอบ และเขาเองก็ยินดีทีจะแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่ลูกค้า โดยอันดับแรกคุณต้องไปเป็นลูกค้าก่อน ไปดื่มกาแฟ เมื่อไปบ่อยๆ จนกลาย เป็นแขกประจาของร้านนั้นแล้ว ก็หาโอกาสพูดคุยกับเจ้าของร้านเกี่ยวกับประสบการณ์เกี่ยวกับกาแฟของเขา รับฟังสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากการเปิดร้าน ดูว่าเขาบริการลูกค้าอย่างไร ทำอย่างไรกับกาแฟและดำเนินกิจการอย่างไร
หากคุณอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ โดยเฉพาะคนที่อยากเปิดกิจการนั้น เวลาที่ไปร้านกาแฟไม่ใช่ไปเพียงเพื่อดื่มกาแฟเท่านั้น แต่อาจจะถือโอกาสเรียนรู้รูปแบบการดำเนินกิจการ การบรการ สินค้าและความคิดสร้างสรรค์ของร้านนั้นได้อีกด้วย ไปสังเกตลูกค้าที่มาดื่มกาแฟ รวมทั้งวิธีที่เจ้าของร้านปฏิบิตต่อลูกค้า

เข้าไปฝึกงานตามร้านกาแฟ
อยากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟอยางรวดเร็วกต้องใปเป็นลูกศิษย์หรือพนักงานในร้านกาแฟสักแห่ง หากตั้งใจและขยันมากเพียงพอ ความรวดเร็วนเละประสบการณ์ในการเรียนรู้ที่ได้รับอาจจะมากกว่าที่ คิดไว้ก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องตั้งใจ เมื่อสองสามเดือนก่อนคุณอาจจะเรียนรู้ในฐานะที่เป็นพนักงานหรือผู้เริ่มต้นทั่วๆ ไป แต่ภายหลังคุณจะต้องเรียนรู้การทำงานและการจัดการภายในร้านในฐานะของเจ้าของกิจการ จึงจะสามรารถเรียนรู้ได้ว่าจะเปิดร้านกาแฟได้อย่างไร เจ้าของร้านจะจัดการเรื่องราวต่างๆและพนักงานอย่างไร ถ้าตัวคุณเองมีแผนผังร้านกาเเฟในใจอยู่แล้วก็สามารถใปเรียนรู้ในร้านที่มีลักษณะคล้ายกันก็ได้ คุณจะได้รู้วิชาการจะเปิดร้านในแบบที่คุณต้องการ จะต้องเตีรยมปัจจัยอะไรบ้างและตัวคุณเองยังขาดอะไรอีกบ้างเจ้าของร้านกาแฟจำนวนมากก่อนจะเปิดร้านกาแฟล้วนมีประสบการณ์การทำงานในร้านกานเฟทั้งนั้น

เรียนรู้การใช้เครื่องชงกาแฟ ไปจนถึงการมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายการดำเนินกิจการ ให้คำแนะนำกับผู้ที่ต้องการเปิดร้าน อีกทั้งยังมีประสบการณ์อีกมากมายในการเป็นผู้จัดการร้าน สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ขั้นตอนต่างๆ ในการเปิดร้านของเธอราบรื่นเป็นอย่างมาก

เป็นพนักงานในบริษัทที่เกี่ยวกับกาแฟ
อาจจะทำงานด้านการขายผลิดภัณฑ์นกี่ยวกับกาแฟเช่น เมล็ด กาแฟหรือเครื่องชงกาแฟ แน่นอนว่าจะต้องคุ้นเคยกับความรู้ เกี่ยวกับกาแฟเป็นอย่างดี ไม่เล่นนั้นคงไม่สามารถให้บริการ แก่ลูกค้าได้ การทำธุรกิจให้โดดเด่นนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นการทำงานกับบริษัทที่ขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกาแฟทั้ง เมล็ดกาแฟและเครื่องชงกาแฟจึงเป็นอีกหนทางหนึ่งในการศึกษาหาความรู้เรื่องกาแฟ บริษัทผลิตเมล็ดกาแฟหรือบริษัทตัวแทนจำหน่ายเครื่องชงกาแฟบางแห่ง ไม่เพียงแต่จะจำหน่ายสีนค้าเท่านั้น ยังมีการบริการให้คำแนะนำแก่ผู้ที่ต้องการเปิดร้านอีกด้วย ดังนั้นจะต้องมีข้อมูลที่มากเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงขั้นตอนการเปิดร้านและการวางแผน

ติดต่อกับบริษัทหรือตัวแทนจำหน่ายกาแฟ อย่างต่อเนื่อง
ถ้าคุณไม่สามารถทำงานในบริษัทเกี่ยวกับกาแฟได้ ก็สามารถเป็นลูกค้าได้ โดยใช้วิธีการสอบถามราคาและติดต่อกับผู้ประกอบการด้านกาแฟหลายๆ แห่ง สอบถามเพื่อหาความรู้และข้อมูล รวมถึงข้อดีและข้อเสียของผลิตภัณฑ์ตางๆ วิธีนี้จะทำให้ได้ข้อมูลในเรื่องที่ต้องการอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้คุณจะได้รู้ข้อเสียของยี่ห้อคู่แข่งจากคำพูดของผู้ประกอบการเหล่านี้อีกด้วย และหากตัดสินใจซื้อวัตถุดิบของเา ผู้ประกอบการกอาจจะให้โอกาสในการฝึกฝนการชงกาแฟและให้คำแนะนำแก่คุณอีกด้วย

เข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับกาแฟ
ภายในประเทศมีสถาบันวิชาการและองค์กรด้านกาแฟบางแห่ง เช่น สมาคมกาแฟ ที่บางครั้งจะจัดการประชุมอภิปรายเพื่อสอบถามข้อมูลและแนวโน้มการบริโภคกาแฟล่าสุด ซึ่งการประชุมอภิปรายเหล่านี้ก็เป็นแนวทางการเรียนรู้ทีไม่เลวเลยหรือถ้าคุณเดินทางไปต่างประเทศบ่อย โดยเฉพาะประเทศที่ค่อนข้างนิยมการดื่มกาแฟ เช่น ยุโรป อิตาลี ญี่ปุ่น เป็นต้น

อาจจะถือโอกาสไปดูพื้นที่ปลูกกาแฟ ร้านกาแฟ บริษัทผลิตเมล็ดกาแฟ บริษัทผลิตเครื่องชงกาแฟ ซึ่งอาจจะได้ความรู้มากมายอีกที่เกี่ยวข้องกับการเปิดร้าน

ศึกษาข้อมูลข่าวสารจากอินเตอร์เน็ต
ปัจจุบันเป็นยุคที่ข้อมูลข่าวสารค่อนข้างแพร่หลาย ความรวด เร็ว และไร้พรม แดนของอินเตอร์เนททำให้สามารถถ่ายทอดและรับข้อมูลกันได้อย่างรวดเร็ว และในอินเตอร์เนตก็มีคนที่มีความสามารถข่อนอยูเมากมาย ขึ่งการติดต่อกับคนเหล่านั้นก็สามารถทำให้คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฤๅแฟได้อย่างรวดเร็วคุณสามารถเข้าไปดูเว็บไขต์ของสมาคมต่างๆได้ ในเว็บไซต์ต่างๆ จะมีรายชื่อหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ของสมาคมกาแฟอยู่อีกด้วย ซึ่งครอบคลุมทั้งบริษัทตัวแทนจำหนายเมล็ดกาแฟและเครื่องชงกาแฟ ร้านกาแฟขนาดใหญ่ไปจนถึงระดับนานาชาติ ผู้อ่านสามารถเข้าไปหาข้อมูลทั้งหมดนี้ได้จากหน้าเว็บ และแลกเปลี่ยนความรู้กัน ทั้งความรู้เฉพาะทางและการเปิดร้านกาแฟหรือจะสอบถามเรื่องเทคนิคต่างๆ ก็ล้วนได้รับคำตอบทั้งสิ้นดังนั้นการใช้อินเตอร์เนตและ กระดานข่าวจึงเป็นแนวทางที่ดีอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ ได้ในที่สุด

องค์กรกาแฟนานาชาติ
lnternational coffee organizatlon (ICO)
Specialty Coffee Association ofAmerlca (SCAA)
Specialty Coffee Association of Europe (SCAE)
Specialty Coffee Institute
Cafes Geographiques
Green coffee Association
Organic Coffee Association
Australasian Speclalty Coffee Association (AASCA)
Tea and Coffee Trade

เอเชีย
All Japan Coffee Association

อเมริกา
Coffee Association of Canada
Nationa1 coffee Association of USA

ยุโรป
SCAE' Germany
The British Coffee Association
Nomegian Coffee Association

อเมริกาใต้
Specialty Coffee Assocition of Costarica
Asociation National del Cafe (ANACAFE)
Specialty Coffee Association of Panama
Brazil Speclalty Coffee Association (BSCA)
Specialty Coffee Asociation of Peru

แอฟริกา
Eastern Africa Fine coffees Association

เอเซีย-แปซิฟิก
Hawaii Coffee Association (HCA)
pacific Coast Coffee Association (PCCA)

2553-10-02

เทคนิคการขายกาแฟ

หลังจากเปิดกิจการเรียบร้อย งานตกแต่งเรียบร้อยและติดตั้งเครื่องชงกาแฟแล้ว ก็ถือว่าร้าน
กาแฟเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ต่อไปก็คือขั้นตอนการประกอบกิจการอย่าง เป็นทางการ แต่ก่อนจะเปิดร้านผู้ประกอบการอาจจะคิดนโยบายการขายขึ้นมาก่อน เพื่อที่หลังจากเปิดร้านแล้วจะได้มีกลุ่มผู้บริโภคที่อยู่ในบริเวณนั้น รวมถึงลูกค้าที่เดินผ่านไปมาบนท้องถนนแวะเข้ามาในร้านแห่งนี้

การขาย เป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก การจะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้อย่างรวดเรว นอกจากจะอาศัยคนรู้จักอย่างเช่นเพื่อนที่บอกเล่าต่อๆ กันไปแล้ว ก็ยังสามารถอาศัยสื่อ การโฆษณา และนโยบายส่งเสริมการขาย เป็นต้น เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้าร้าน เทคนิคการขายกาแฟที่ใช้กันโดยทั่วไปสำหรับร้านกาแฟ
มี ดังนี้

1 แจกใบปลิว
ก่อนจะถึงวันเปิดร้านก็นำข่าวเรื่องพิธีเปิดร้าน รวมทั้งจุดเด่น รายการอาหารรวมทั้งราคา ระบุลงไปในใบปลิวแล้วนำไปแจก เพื่อให้ลูกค้าที่อยู่บริเวณรอบๆ รู้ว่ากำลังจะมีร้านกาแฟ แห่งใหม่มาเปิด เจ้าของร้านอาจจะหาคนมาแจกใบปลิวทีหน้าร้านหรือปากทางก็ได้ หรือจะหาสถานที่ที่มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอยู่ อย่างเช่นตึกสำนักงานขนาดใพญ่ เขตชุมชน เขต การักษา เป็นต้น แล้วนำใบปลิวไปแจกเพื่อกระจายข่าว

2.จัดกิจกรรมทดลองดื่มหรือทดลองขายก่อนเปิดร้าน
ก่อนเปิดร้านอย่างเป็นทางการ เจ้าของร้านจะต้องทดลองเปิดกิจการดูก่อน โดยทั่วไปก็คือ จัดกิจกรรมการทดลองดืมและทตลองขายก่อนเปิดร้านสัก 2-3 วัน ด้านหนึ่งก็เพื่อเตรียมขั้นตอนต่างๆ ในการทำงานให้คล่องแคล่ว และอีกด้านก็เพื่อสำรวจระดับความพอใจของผู้บริโภคที่มีด่อสินค้าและร้านแห่งนี้ ดังนั้นการลดราคาเพื่อฬดลองขายหรือให้ทดลองดื่มฟรี นอกจากจะนป็นการอุ่นเครื่องก่อนเปิดร้านแล้ว ยังเ๊ป็นการเตรียมพร้อมและปรับตัวหลังจากเปิดกิจการอีกด้วย

3.จุดประเด็นเพื่อสร้างข่าว
ร้านที่เปิดใหม่หากอยากให้มีผลลัพธ์ด้านการขายที่ดี การ โฆษณาโดยใช้สื่อนับว่า เป็นการเผย แพร่ข่าวสารอย่างมี ประสิทธิภาพ แตร้านกาแฟโดยทั่วไปจะมีเงินทุนน้อยและ ขนาดไม่ใหญ่มาก ผู้ประกอบการคงไม่สามารถจ่ายเงินจำนวน มากเพื่อตีพิมพ์โฆษณาในหนังลือพิมพด้ นอกเสียจากว่ามีคน
รู้จัก และข่วยลงโฆษณาให้เพื่อส่งเสริมการชาย ไม่เช่นนั้นหาก ร้านกาแฟใดยทั่วไปต้องการจะมีชื่อเสียงในเวลาอันรวดเร็ว คงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย

แต่ในปัจจุบันเนื่องจากสื่อมีพื้นที่สำหรับหัวข้อเรื่องการ บริโภคค่อนข้างมาก และต้องการเผยแพร่ข่าวคราวการบริโภค ใหม่ๆ ให้ผู้อ่านรับรู้ หากร้านกาแฟสามารถจุดประเด็น เช่นมี วิธีการตกแต่งที่โดดเด่น ผสมผสานกิจกรรมด้านศิลปะและ ดนตรี หรือมีแนวคิดในการประกอบการที่เป็นเอกลักษณ์ ก็จะ สามารถดึงดูดความสนใจในสื่อมวลชนมาทำข่าวได้ นอกจาก จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาแล้ว ยังทำให้ภาพลักษณ์ ของร้านดูมีมูลค่ามากขึ้นอีกด้วย สิ่งที่ต้องระมัดระวังในการโฆษณาผ่านสื่อก็คือ หลังจากที่ สื่อรายงานข่าวไป แล้วมักจะทำให้มีผู้คนหลั่งไหลมาเป็น จำนวนมาก และเมื่อมีคนเข้าร้านมากก็อาจจะทำให้ บรรยากาศภายในร้านเสียงดัง หรืออาจจะมีผลกระทบในด้าน การบริการเนื่องจากมีพนักงานอยู่จำกัด บางครั้งกลับทำให้ ลูกค้าไม่พอใจและมิอคติอีกมากมาย แล้วกลายเป็นเรื่อง ขายหน้าแทนได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เจ้าของร้านจะต้องเตรียม
รับมือใว้


4.โฆษณา e-commerce ผ่านอินเตอร์เน็ต
ในยุคอินเตอร์เนต ศักยภาพของการเผยแพร่ข่าวสารแบบe-commerce นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามใปได้ โดยทางร้านอาจจะสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเอง

หรือหากไม่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เจ้าของร้านก็อาจจะเข้าไปในกระดานข่าวเกี่ยวกับการบริโภคตามเว็บไชต์ต่างๆ และใช้วิธีการตั้งหัวข้อเพื่อแนะนำร้านของตัวเองก็ได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อโฆษณา หรืออาจจะใช้วิธีการส่งอีเมลล์ หรือใช้ฟอร์เวิร์ดเมลล์ในการเผย แพร่ข่าวสาร ซึ่งก็ เป็นวิธีการโฆษณาได้อีกทางหนึ่ง

ที่มาจากหนังสือ คู่มือการเปิดร้านกาแฟฉบับสมบรูณ์

2553-09-24

กาแฟสไตอิตาลี

เนื่องจากในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนีอไม่ได้ผลิตกาแฟ
ดังนั้นกาแฟสไตล์อิตาลีและกาแฟสไตล์อเมริกาที่กล่าวถึงกัน
โดยทั่วไปจึงหมายถึง วิธีการชงกาแฟ กาแฟสไตล์อิตาลี
เนื่องจากมีวิธีการชงที่รวดเร็ว จึงกลายเป็นวิธีชงกาแฟที่นิยม
กันทั่วโลกในปัจจุบัน

คำว่า เอสเพรสโซ่ (Espresso) เป็นภาษาอิตาลีมีความ
หมายว่ารวดเร็ว กาแฟสไตล์อิตาลีก็คือกาแฟที่ชงอย่างรวดเร็ว
โดยใช้แรงดันสูง กาแฟสไตล์อิตาลีโดยทั่วไปจะใช้เครื่องชง
กาแฟสไตลอิตาลี ใช้แรงดันสูง (ประมาณ 9-12 บาร์) ใช้เวลา
ประมาณ 20-30 วินาที ก็ชงเอสเพรสโซ่ปริมาณ 3o cc ได้แล้ว
ดังนั้นกาแฟที่ชงออกมาจึงเข้มข้นมาก ในไต้หวันนำคำว่า
เอสเพรสโซ่มาแปลว่ากาแฟเข้มข้นสไตล์อิตาลี
กาแฟที่ใช้ในการชงกาแฟสไตล์อิตาลีโดยทั่วไปจะใช้
เมล็ดเบลนด์คอฟฟี่สไตล์อิตาลี เนื่องจากมีการคั่วและส่วน
ประกอบที่แตกต่างกัน จึงสามารถแบ่งกาแฟสไตล์อิตาลีตาม
รสชาติได้เป็นอิตาลีเหนือและอิตาลีใต้ โดยรวมแล้วรสชาติ
เมล็ดกาแฟของอิตาลีเหนือจะนุ่มละมุน มีรสเปรี้ยวแบบผลไม้
ส่วนอิตาลีใต้จะมีรสชาติเด่นชัด เข้มข้นและค่อนข้างขม
เนื่องจากเครื่องชงกาแฟสไตล์อิตาลีให้แรงดันสูงผ่านผง
กาแฟที่บดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อสกัดเป็นน้ำกาแฟออกมา
ดังนั้นเวลาชงกาแฟโดยใช้เครื่องชงกาแฟสไตล์อิตาลีจึงต้อง
ใช้ผงกาแฟที่บดละเอียดมาก

ในขั้นตอนการชงกาเเฟสไตล์อิตาลีจะมีส่วนของน้ำมัน
หอมระเหยออกมาเป็นเครม่า (crema) ซึ่งไม่มีอยู่ในการชง
แบบหยด โดยเฉพาะกลิ่นหอมเข้มข้นบวกกับการชงอย่าง
รวดเร็วด้วยแรงดันสูง ทำให้คาเฟอีนในเมล็ดกาแฟออกมา
น้อย ดังนั้นเอสเพรสโซ่จึงมีคาเฟอีนค่อนข้างน้อย
เครื่องดื่มกาแฟสไตล์อิตาลีที่เป็นที่นิยมกันโดยทั่วไปจะใช้
เอสเพรสโซ่เป็นพื้นฐาน แล้วเติมนมและโฟมนมลงไป ที่พบ
บ่อยๆ ก็ เช่น คาปูชิโน่ ลาเต้ คาเฟ่โอเล่ มอคค่า มัคคีอาโต
เป็นต้น และมีอีกหลากหลายชนิด เมื่อบวกกับเทคนิคการวาด
ลวดลายของบาริสต้าด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้กาแฟสไตล์อิตาลีน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

2553-09-16

รูปแบบร้านกาแฟ

ร้านกาแฟ

คุณต้องกำหนดว่า ร้านกาแฟที่อยากเปิดจะเป็นแบบใด ในใจของคุณจะต้องมีแผนผังร้านกาแฟเป็นของตัวเองอย่าง แน่นอน ถ้ายังไม่มีแผนผังที่ชัดเจน มีแค่ความคิดเลือนราง ไม่สมบูรณ์ หรือยังอยู่แค่ในช่วงการสร้างความฝันแต่ยังไม่กล้าพูดออกมาก็ไม่เป็นไร ยิ่งใช้เวลาวางแผนนานก็จะยิ่งมีแผนผัง ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

จากรูปแบบร้านกาแฟของไต้หวันในปัจจุบัน สามารถแบ่งประเภทของร้านกาแฟแบบกว้างๆ ได้ดังนี้

1.ร้านกาแฟแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะ
สิ่งที่ร้านกาแฟแบบนี้ขายคือ “กาแฟ” และ “พื้นที่บทบาทของมันคือการเป็นผู้จำหน่ายพื้นที่ จัดพื้นที่ให้ให้ลูกค้า พักผ่อน ครุ่นคิด หาเพื่อนไปพร้อมกับการเพลิดเพลินกับกาแฟรสชาติ ดี สินค้าหลักของร้านกาแฟแบบนี้ก็คือกาแฟ โดยส่วนมากแล้วเจ้าของร้านจะชอบกาแฟ ให้ความสำคัญกับเทคนิคการ ชงกาแฟ รสชาติกาแฟ เห็นว่าการชงกาแฟหนึ่งถ้วยเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง ทำให้ร้านแห่งนี้มีรูปแบบเเละจุดเด่นเป็นของตัวเอง ซึ่งจะมีผู้สนับสนุนและแขกประจำอยู่กลุ่มหนึ่ง

ร้านเหล่านั้นจะขายเฉพาะกานเฟ ไม่ขายอาหาร อย่างมากก็มีแค่อาหารว่างจำพวกบิสกิตที่ทำเองและเค้กนานาชนิดแซนด์วิช สลัด เป็นต้น บางร้านอาจจะขายเมล็ดกาแฟและอุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟด้วย
จากสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน การทีร้านกาแฟลักษณะนี้จะอยู่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นจึงต้องสร้างร้านกาแฟให้โดดเด่น ละเอียดอ่อนและแตกต่าง จงจะสามารถอยุ่รอดได้ในตลาด ในระยะยาวได้

2.ร้านที่ขายกาแฟโดยเฉพาะ
เมื่อเดินเข้าไปในร้านประภทนี้ เพียงแค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นสถานที่ที่ขายกาแฟ นอกจากจะสามารถดื่มกาแฟให้แล้ว ยังสามารถหาซื้อเครื่องชงกาแฟ เมล็ดกาแฟ ของใช้เกี่ยวกับ กาแฟ รวมถึงภาชนะต่างๆ ได้อีกด้วย อาจกล่าวได้ว่าเป็นร้าน ที่ขายเฉพาะกาแฟจริงๆ ร้านเหล่านี้ล้วนเป็นร้านแบบตั้งเดิมทีขายกาแฟโดยเฉพาะ กาแฟที่ขายเป็นกาแฟที่ใช้วิธีชงมือแบบ ดั้งเดิม

กลุ่มเป้าหมายก็เป็นกลุ่มคนที่มีอายุมากแล้วร้านเหล่านั้นมีจุดเด่นอยู่อย่างหนึ่งคือ นอกจากจะขายอุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟและการชงกาแฟแล้ว กิจการสำคัญอีกอย่างหนึ่งของพวกเขาก็คือการคั่วกาแฟ เนื่องจากต้องคั่วเมล็ดกาแฟด้วยตัวเองเพื่อขายให้กับลูกค้าและร้านกาแฟ ต่างๆ ดังนั้นในร้านจึงเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของการคั่วเมล็ดกาแฟอยู่ตลอดเวลา

3.ร้านกาแฟแบบสวนดอกไม้
ร้านกาแฟแบบสวนดอกไม้ต้องมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างจึงจะสร้างทิวทัศน์สีเขียวขจีได้ ร้านกาแฟ
แบบสวนดอกไม้หลายแห่งจึงจาหน่ายอาหารด้วยเพื่อสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ผู้บริโภคอยู่ในสวนดอกไม้เพลิดเพลินกับอาหารรสอร่อยไปพร้อมกับทิวทัศน์ที่สวยงาม ดังนั้นอาหารที่โดดเด่นและสวนดอกไม้ที่มีเอกลักษณีจึงเป็น จุดขายสำคัญในการดึงดูดลูกค้า นอกจากนี้ทีวทัศน์สวนดอกไม้ของร้านกาแฟประเภทนี้ก็ เป็นจุดเด่นอีกอยางหนึ่งด้วย สวนดอกไม้หรือการสร้างสวนไว้หน้าร้านกาแฟนั้น ก่อนสร้าง
สวนจะต้องคีดให้ดีเสียก่อนว่า ตัวเจ้าของร้านจะดูแลได้หรือเปล่า หรือจะหาคนมาดูแลรักษาสวนในระยะยาวได้หรือไม่เพราะการปลูกดอกไม้หรือต้นไม้นั้นไม่ใช่เรี่องง่ายเลยที่จะดูแลให้ดี ถ้าดูแลไม่ดี สวนดอกไม้ก็อาจจะรกร้างได้ตั้งแต่ครึ่งปีแรกหรือสามเดือน ดอกไม้ต้นไม้เหี่ยวเฉา วัชพืชขึ้น ไม่เพียงแต่จะดึงดูดลูกค้าไม่ได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ลูกค้ากลัวจนไม่กล้าเข้าร้านและกลายเป็นข้อเสียอีกด้วย

4.ร้านกาแฟแบบหอพัก
ร้านกาแฟแบบหอพักขายกาแฟและให้บริการที่พักด้วยจึงกลายเป็นกระแสนิยม ในแต่ละพื้นที่ของไต้หวันมีร้านกาแฟแบบหอพักมากมายนับไม่ถ้วน ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างร้านกาแฟแบบหอพักกับหอพักทั่วๆ ไปก็คือ ร้านกาแฟแบบหอพักจะขายรสชาติกาแฟเป็นหลัก และเปิดที่ว่างในร้านกาแฟให้แขกพัก ส่วนหอพักทั่วๆ ไปจะขายห้องพักและอาหารเป็นหลัก และจำหน่าย กาแฟกับเครื่องดื่มรองลงมา

5.ร้านกาแฟแบบผสมพสาน
การเปิดร้านแห่งหนึ่งสามารถทำการค้าได้เพียงอย่างเดียวหรือ? ถ้านำกิจการสองชนิดที่แตกต่างกันมารวมไว้ในร้านเดียวกันก็จะสามารถสนองความต้องการทั้งสองอย่างของลูกค้าไปได้พร้อมๆ กัน นี่ก็คือแนวคิดของการทำกิจการร้านกาแฟ แบบผสมผสาน จากแนวคิดนี้จึงมีการนากาแฟไปรวมกับกิจการอื่นๆ คือนอกจากจะขายกาแฟแล้วก็ยังตอบสนองความต้องการด้านอื่นๆ ของลูกค้าด้วย ถึงร้านกาแฟแบบนี้กำลังอยู่ในช่วงบุกเบิก
รูปแบบของร้านกาแฟแบบผสมผสานที่มักจะพบโดยทั่วไปจะเป็นร้านกาแฟกินดื่มที่ขายอาหาร กาแฟและเครื่องดื่มเป็นหลัก และยังอาจแบ่งเป็นอาหารจีน อาหารตะวันตกอาหารยุโรป อาหารณี่ปุ่น อาหารฝรั่งเศส เป็นต้น มีแบบที่รวมร้านกาแฟกับขนมเค้กและขนมปัง หรือรวมกับร้านขายดอกใม้ ร้านหนังสือ ร้านขาย CD เพลง ร้านขายของกระจุกกระจิก ร้านขายเสื้อผ้าหรือ ร้านขายผลงานศิลปะและแกลอรี่ เป็นต้น

**สิ่งทีต้องระวังในการเปิดร้านกาแฟแบบผสมผสาน

1.สินค้าต้องกลมกลืนกัน
2.พื้นที่ของร้านกาแฟต้องค่อนข้างใหญ่
3.ถ้ากิจการแตกต่างกันมาก บุคากรก็ต้องต่างกันด้วย


ที่มาหนังสือ คู่มือการเปิดร้านกาแหฉบับสมบรูณ์

2553-09-10

เลือกเครื่องทำกาแฟ

เครื่องชงกาแฟ
การซื้อเครื่องชง กาแฟ เป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง หากคุณเป็นคนรักเอสเพรสโซแล้วล่ะก็ ควรใช้จ่ายเพื่อหวังผลในระยะยาว ไม่เพียง แต่จะไม่ได้ไปทุกที่เพื่อแก้ไข espresso ของคุณถ้าคุณหลงระเริงชงประจำเครื่องเร็ว ๆ นี้จะจ่ายค่าตัวเอง มีมากดังนั้นเครื่องเหล่านี้ในตลาด แต่อย่างไรก้ตามคุณต้องรู้จักเลือกเครื่องชงกาแฟที่เหมาะสำหรับคุณ?

เอสเพรสโซคืออะไร..

เครื่องชงกาแฟespresso ถูกสร้างขึ้นในมิลานอิตาลี ในราวศตวรรษที่20 กาแฟอิตาเลียนแบบดั้งเดิมให้บริการตามปกติใน 2 ออนซ์
ฟองที่สร้างโดยกระบวนการต้มเบียร์ เมล็ดกาแฟเอสเพรสโซที่ผ่านการคั่วนานกว่าปกติจึงปล่อยน้ำมันได้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นการผ่านการบดเป็นผงละเอียด
เครื่องชงกาแฟจะยิงผ่านน้ำที่ 195 องศาฟาเรนไฮต์ (90 องศาเซนติเกรด) โดยใช้แรงดันที่จะผลักดันมันผ่านผงกาแฟสด ทำให้น้ำมันกาแฟถูกสกัดออกมา ได้ของเหลวที่เข้มข้นและสมบูรณ์
ปริมาณความดันหลังน้ำ จะมีผลต่อรสชาติของกาแฟนั้นๆ

ประเภทของเครื่องชงเอสเพรสโซ่

แบบที่ง่ายที่สุด อย่างน้อยผู้ผลิตเอสเพรสโซเป็นรุ่นบนเตาที่ใช้พลังงานไอน้ำและเครื่องไฟฟ้า pumpless รุ่นไฟฟ้า pumpless
มาปกติด้วยไอน้ำ ช่วยให้ฟองนมเพื่อให้คุณสามารถสนุกกับ cappuccinos, lattes, espresso และเมนูโปรดอื่นๆ

เครื่องแบบคาน Manual
สามารถหากิน แต่มักจะถูกใจคนรักเอสเพรสโซ แทนการใช้ไอน้ำหรือปั๊มเพื่อบังคับน้ำที่ผ่าน beans คุณใช้ใหญ่จับโลหะเพื่อดำเนินการ นี้น่าจะเป็นชนิดที่ท้าทายที่สุดของเครื่องใช้และสร้างก่อสม่ำเสมอ แต่ผู้เชี่ยวชาญก็รัก เครื่องปั๊มไฟฟ้าจนกลายเป็นหนึ่งในพิมพ์นิยมที่สุด ของผู้ผลิตกาแฟทั้งในเชิงพาณิชย์และตลาดบ้าน ชนิดของเครื่องแบบนี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกอุณหภูมิตามที่คุณต้องการน้ำและปริมาณของแรงดันที่คุณต้องการใช้ เมื่อผลักดันน้ำที่ผ่านเมล็ดกาแฟของคุณ

ผู้ผลิตกาแฟที่ดีที่สุด แต่เป็น super เครื่องปั๊มอัตโนมัติ ดัดแปลงมาจากเครื่องบดถั่ว, tamping กาแฟเป็นเด็กซนและในบางกรณีเช่นกลัว DeLonghi Magnifica แม้สะอาดตัวเอง
มันจะไม่หวานหา DeLonghi Espresso Maker นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ในครั้งต่อไปของคุณกระหาย espresso shot ที่สมบูรณ์แบบ

เครื่องชนิดไหนที่คุณเลือกและสนุกกับเอสเพรสโซถ้วยโปรดของคุณ

การชงกาแฟในแบบต่างๆ
1. การชงแบบ French Press
เป็นวิธีการชงที่มีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส การชงแบบนี้เราเห็นได้ง่ายกว่าการชงแบบแรก วิธีชงก็ง่าย แค่เลือกกาแฟที่ต้องการใส่ลงในแก้วชง จากเทน้ำร้อนใส่ในแก้วที่มีก้าน รอประมาณ 4-5 นาที ก็กดก้านดันกากกาแฟให้ไปอยู่ก้นแก้ว รินกาแฟเติมนม ครีมหรือน้ำตาลตามชอบ วิธีนี้เป็นการชงที่สะดวกสบาย ง่าย ไม่เปลืองไฟฟ้า แต่เหมาะสำหรับการดื่มแค่ 1-2 คนเท่านั้น
คำแนะนำในการชงอุ่นอุปกรณ์ด้วยน้ำร้อน ตวงกาแฟบดประมาณ 10 - 12 กรัม ( ต่อกาแฟ 1 ถ้วย ) ลงในภาชนะ เติมน้ำร้อนเกือบเดือดประมาณ 200 - 240 มล. ลงบนกาแฟและคน ทิ้งไว้ประมาณ 4 นาที จากนั้นค่อย ๆ กดก้านกรองของภาชนะจนสุด รินดื่มได้ทันที

2. การชงกาแฟแบบ Drip
ซึ่งแยกได้เป็นแบบที่ใช้เครื่องกับแบบที่ไม่ใช้เครื่อง วิธีนี้จะนำกาแฟที่คั่วบดเรียบร้อยแล้วมาเทใส่กระดาษกรอง แล้วปล่อยให้น้ำร้อนไหลผ่านกาแฟแล้วค่อยๆ หยดลงมาสู่โถรับกาแฟด้านล่าง จากนั้นจึงนำไปเสิร์ฟวิธีนี้จะเห็นได้บ่อยตามร้านอาหารที่มีเมนูกาแฟร้อนให้ทานตบ หรือเวลาไปสัมมนาตามโรงแรม ข้อดีคือสะดวก เหมาะสำหรับการเสิร์ฟกับปริมาณคนมากๆ แต่ก็มีข้อเสียคือ จะได้กาแฟที่มีความเข้มน้อย กลิ่นและความมันจะถูกกระดาษกรองดูดซึมไว้จนเสียรสชาติไป

คำแนะนำในการชง
สำหรับกาแฟ 1 ถ้วย : ตวงกาแฟบดประมาณ 10 - 12 กรัม ลงในกรวยกรอง หรือกระดาษกรอง เติมน้ำสะอาดเย็นประมาณ 200 - 240 มล. ลงในกระบอกน้ำหลังเครื่อง เปิดสวิทซ์และรอให้น้ำหยดผ่านกาแฟจนหมด รินดื่มได้ทันที (ไม่ควรตั้งเหยือกกาแฟไว้บนจานอุ่น นานเกิน 20 นาที)

3.การชงกาแฟโดยใช้เครื่อง Espresso Machine
วิธีนี้เป็นวิธีที่ร้านกาแฟนิยมใช้มากที่สุด เป็นการใช้ทั้งน้ำและไออัดผ่านเมล็ดกาแฟที่คั่วบดแล้วอย่างรวดเร็ว ทำให้ได้กาแฟเอสเพรสโซ่สีทองที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วร้าน เครื่องชงกาแฟแบบนี้มักมาพร้อมกับที่อุ่นนมและทำฟองนม ข้อดีคือถ่ายทอดรสชาติและจุดเด่นของกาแฟแต่ละชนิดออกมาได้ดีที่สุด แต่ก็มีข้อเสียก็คือราคาสูงมากๆ เริ่มต้นที่หลักหมื่นและอาจจะไปจบที่หลักล้านก็ได้...

คำแนะนำในการชง
ตวงกาแฟบดละเอียดประมาณ 7 กรัม สำหรับการทำหัวกาแฟเข้มข้น 1 ออนซ์ โดยใช้เวลาสกัดประมาณ 18 - 25 วินาที

2553-09-07

การเพิ่มมูลค่าให้ร้านกาแฟ

ร้านกาแฟสด













การเปิดร้านกาแฟสักแห่งแล้วสามารถทำให้ลูกค้ายินดีที่จะกลับมาใช้บริการอีกครั้ง จึงจะสามารถประสบความสำเร็จใน การดำเนินกิจการ ความพอใจของลูกค้าเป็นตัวแปรในการการกลับมาใช้บริการอีกครั้ง
จะทำอย่างไรให้ลูกค้าพึงพอใจ นอกจากความอร่อยของอาหารและเครื่องดื่ม ความสะดวก
สบายภายในร้าน บรรยากาศสบายๆ และคุณภาพการบริการที่ดีแล้ว เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น การจัดวางเคาน์เตอร์ ความสะอาดของห้องน้ำ ฯลฯ ก็ต้องใส่ใจด้วยเช่นกัน จึงจะสามารถเพิ่มมูลค่าให้ร้านกาแฟได้ และทำให้ลูกค้าเต็มใจที่จะกลับมาที่ร้านอีกครั้ง

*ความตั้งใจของเจ้าของร้าน
ความใส่ใจต่อกาแฟหนึ่งถ้วยหรือแม้แต่ของหวานหนึ่งชิ้น สามารถดึงดูดให้ลูกค้าสัมผัสถึงรสชาติได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ลูกค้าเข้าร้านเพราะเห็นถึงิ ความตั้งใจและแนวคิดใหม่ๆ ของเจ้าของร้าน
เช่น กาแฟที่คิดค้นขึ้นมาเป็นพิเศษหรือขนมในร้านที่มีสูตรเฉพาะอร่อยไม่เหมือนใคร การเติมความคิดสร้างสรรค์ในการตั้งชื่อเมนู จะทำให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความหอมเข้มข้นของกาแฟแล้ว ยังทำให้ลูกค้าหลงใหลในรสชาติขนมอีกด้วย ก็เหมือนกับแรงดึงดูดของยาเสพติด เมื่อดื่มแล้วจะติดใจ บิสกิตหรือขนมเค้กในร้านที่มีหลากหลายชนิดเจ้าของร้านต้องไปศึกษาและคิดค้น หรือทดลองหาสูตรใหม่ๆมาให้ลูกค้า เพื่อให้ได้รับความนิยมจากลู้กค้าเจ้าของร้านกาแฟต้องใส่ใจศึกษาสิ่งต่างๆเหล่านี้เพื่อเพื่อสร้างสรรค์เมนูทีมีรสชาติแปลกใหม่อย่างต่อเนื่อง

้*ความสะอาดของเค้าท์เตอร์บาร์
ความสะอาดและปลอดภัยเป็นปัจจัยที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ เพราะกาแฟเป็นกิจการเกี่ยวกับอาหารและเครืองดื่ม ถ้าลูกค้าเข้ามาดื่มกาแฟหรือทานอาพารแล้วมีสภาพแวดล้อมที่สกปรก
ไม่เป็นระเบียบ เวลาที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านจะรู้สึกไม่ดี และเชื่อได้ว่าลูกค้าจะไม่กลับมาอีกแน่ๆ
เคาน์เตอร์บาร์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของร้านกาแฟทุกแห่งสิ่งต่างๆที่อยู่บนเคาน์เตอร์จะต้องสะอาดและจัดให้เป็น ระเบียบ ต้องระมัดระวังแม้ึ้แต่รายละเอียดเล็กน้อย เช่น ผ้าขี้ริ้วและการวางถ้วยชามในอ่างล้างจาน เพื่อรอการทำความสะอาด หากมีห้องครัวก็ต้องระมัดระวังเรื่องสุขอนามัย ต้องทำให้ลูกค้ามองเห็นแต่ความสะอาด อย่าได้ท้าทายกับความอดทนของลูกค้าเป็นอันขาด

้*ความสะอาดถูกสุขลักษณะของห้องน้ำ
ห้องน้ำก็มีผลต่อการดำเนินกิจการร้านกาแฟในระยะยาวด้วยเช่นกัน ร้านกาแฟต้องมีการตกแต่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ หรือบรรยากาศภายในห้องน้ำ และที่สำคัญเรื่องความสะอาดคือหัวใจหลักของห้องน้ำ หากปกิบัติได้ดังนี้ มั่นใจได้เลยว่าถ้าลูกค้า กลับมาที่ร้านอีกครั้งอย่างแน่นอน เพราะการสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ได้ใช้ห้องน้ำที่สะอาดถูกสุขอนามัย จะทำให้ลูกค้ารู้สึกพอใจมากอีกด้วย

ให้บริการตามกระแสนิยม
ยกตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟกับอินเตอร์เนตไร้สาย นับวันจะยิ่งเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น คนทั่วไปมักจะอาศัยร้านกาแฟใน การเจรจาการค้าหรือคุยธุระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านที่อยู่บริเวณตึกสำนักงานขนาดใหญ่ ย่านการค้า หรือเขตการ ศึกษา ในบริเวณเหล่านี้จะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนทำงานและนักเรียน นักศึกษาเป็นหลัก อัตราการใช้อินเตอร์เนตสูงมาก ดังนั้นการเปิดร้านกาแฟจึงไม่อาจมองข้ามการให้บริการอินเตอรเนตไร้ลายไปไม่ได้เลย

ในมุมมองของเจ้าของร้าน หากลูกค้าคนหนึ่งนั่งอยู่ในร้าน 2-3 ชั่วโมง สั่งเิืครื่องดื่มเพียงถ้วยเดียว ก็คงจะไม่เป็นผล ดีต่อกิจการมากนัก ดังนั้นการจะติดตั้งบริการอินเตอร์เนตแบบไร้สายหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ตัดสินใจลำบากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในยุคอินเตอร์เนทไร้สาย ร้านกาแฟที่ให้บริการอินเตอร์เนทไร้สายนับวันจะยิ่งมีมากขื้นเรื่อยๆ แล้วร้านกาแฟของคุณจะทำตาม กระแสนิยมหรือไม่ ก็เป็นจุดสำคัญมากอีกอย่างหนึ่งที่จะต้องพิจารณา

มีกิจกรรมด้านศิลปะหรือดนตรีร่วมด้วย
นอกจากจะจำหน่ายกาแฟรสอร่อยแล้ว เสียงเพลงอันไพเราะและบรรยากาศที่อบอุ่นแล้ว ร้านกาแฟยังเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด ในการพูดคุยและติดต่อสื่อสารระหว่างเจ้าของร้านกับลูกค้าอีกด้วย เช่น นอกจากจะมีข่าวคราวด้านศิลปะแล้ว ยังอาจจะมี กิจกรรมการพบปะกันอย่างเช่น งานนิทรรศการ คอนเสิร์ต การแสดงดนตรี อาจจะมีกำหนดการที่ แน่นอนหรือถือตามแต่ โอกาสก็ได้ ซึ่งจะสามารถดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมเหล่านี้ได้อีก ด้วย

ยกตัวอย่างเช่น การรวมกลุ่มคนที่รักการวาดรูปกลุ่มหนึ่ง แล้วจัดกิจกรรมร่วมกันเป็นประจำทุกๆ เดือน โดยจะมีการนำภาพวาด ใหม่ๆ มาแสดง ซึ่งก็เป็นเหมือนการตกแต่งร้านกาแฟไปด้วยและยังสามารถดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบ งานศิลปะให้มาใช้บริการ ที่ร้านได้อีกด้วย หรือจัดให้มีการจัดแสดงดนตรีขนาดเล็กทุกๆ สัปดาห์ สัปดาห์ละหนึ่งวัน สาเหตุแรกก็ เพราะความชอบดนตรีของเจ้าของร้าน และสองก็เพื่อเพิ่มความหลากหลายของกิจการร้านกาแฟ และยังมีเจตนาที่จะ ดืงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่ร้านกาแฟอีกทางหนึ่งด้วย

2553-08-26

วิเคราะห์กลุ่มนักดื่มกาแฟ

coffee drink
วิเคราะห์กลุ่มนักดื่มกาแฟ
นักดื่มกาแฟนั้นแบ่งออกได้เป็นหลายเพศ หลายวัย เราลองมาดูสิว่า พอจะมีเกณฑ์อะไรบ้างที่ใช้แบ่งพฤติกรรมการดื่มกาแฟ และแต่ละประเภท

1.แบ่งตามกลุ่มคน
กลุ่มคนวัยทำงาน เป็นกลุ่มที่บริโภคกาแฟกลุ่มใหญ่ และเป็นกลุ่มสำคัญ โดยส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน คนที่ชอบดื่มกาแฟรองลงไปจะเป็นนักเรียนและแม่บ้าน
เป็นต้น
ในบรรดากลุ่มคนที่กล่าวมาข้างต้นนั้น กลุ่มคนทำงานเป็นผู้บริโภคกาแฟจำนวนมากที่สุดโดยคิดเป็นสัดส่วนได้ประมาณ 80% ของผู้บริโภคทั้งหมด
สาเหตุสำคัญคือคนทำงานนิยมการชิมรสชาติ และเหนื่อยจากทำงานหนักจึงต้องการผ่อนคลายและหาความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ดังนั้นร้านกาแฟที่เงียบสงบ
สภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายจืงเป็นพื้นที่ให้คนทำงานได้ระบายความรู้สึกและครุ่นคิดได้อย่างเงียบๆ อีกเหตุผลหนึ่งคือเรื่องบางเรื่องไม่สะดวกที่จะพูดคุยในที่ทำงาน ร้านกาแฟจืงกลาย
เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการพูดคุยและติดต่อสื่อสาร สาเหตุต่อมาที่สำคัญที่สุดก็คือคนทำงานมีรายได้ที่แน่นอนมั่นคง จึงมีความสามารถในการบริโภคค่อนข้างสูง แขกที่ชอบกาแฟจริงๆ และเข้าใจการลิ้มรสกาึ้แฟและ
ยินดีที่จะจ่ายเงิน เพื่อดื่มกาแฟที่อร่อยนั้น มีอยู่เพียงแค่ 1 %เท่านั้น สำหรับกลุ่มนักเรียนนั้นมีกำลังในการบริโภคต่ำแม่บ้านก็เน้นการฆ่าเวลาเป็นหลัก กลุ่มคนเหล่านี้จึงมีสัดส่วนที่ยังน้อยลงไปอีกในตลาดกาเเฟ

2.แบ่งตามอายุ
ผู้บริโภคหลักจะอยู่ในช่วงอายุ 25-45 ปี หากจะดูช่วงอายุของผู้บริโภคกาแฟภายในประเทศแล้ว โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 20-40 ปี คนที่อายุ40-60 ปีนั้น
เนื่องจากต้องระมัดระวังเรื่องสุขภาพ เช่นว่าถ้าดื่มกาแฟตอนกลางคืนแล้วจะนอนไม่หลับ ดังนั้นสัดส่วนการดื่มกาแฟจึงน้อยลงมาก สรุปแล้วผู้บริโภคกาแฟหลักๆ ก็คือกลุ่มคนทำงานในช่วงอายุ 25-45 ปี ซึ่งมีรายได้จากการทำงาน

3.แบ่งตามเพศ
คนที่นิยมดื่มกาแฟเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เพราะปัจจุบันผู้หญิงมีรายได้เป็นของตัวเองและมีความสามารถ
โดดเด่น ส่วนใหญ่จึงตอบรับกระแสนิยมมากกว่าผู้ชาย และความต้องการในการบริโภคอาหารรวมถึงความบันเทิงก็มีมาก
กว่าผู้ชายด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อมองโดยภาพรวมแล้วอัตราส่วนของผู้หญิงที่บริโภคกาแฟจึงมีมากกว่าผู้ชายอย่างชัดเจน

4.แบ่งตามอาชีพ
กำลังซื้อหลัก มาจากอาชีพด้านศิลปะ ธุรกิจและวัฒนธรรม แต่เดิมนั้นนักดนตรีและคนที่ชอบดนตรีก็เป็นคนกลุ่มใหญ่
ที่ชอบดื่มกาแฟ ผู้คนในสาขาอาชีพตางๆ เช่น คนที่ทำงานด้านวัฒนธรรมทั้งดนตรี ศิลปะ นักออกแบบ งานบันเทิงและงานสาธารณะ เป็นต้น
คนเหล่านี้ต้องการความเงียบสงบในการครุ่นคิด พิจารณา คิดค้น และค้นหาแรงบันดาลใจ ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นแขกประจำของร้านกาเเฟ
นอกจากนี้นักธุรกิจที่เร่งรีบอยู่ภายนอกสำนักงาน รวมถึงผู้บริหารระดับสูงที่ต้องติดต่อการค้าก็เป็นกลุ่มผู้บริโภคหลักของร้าน กาแฟ เช่นกัน

5.แบ่งตามระดับการศึกษา
คนที่มีการศึกษายิ่งสูงยิ่งชอบดื่มกาแฟ ผู้บริโภคที่มีการศึกษาสูง ก็จะยิ่งมีระดับการยอมรับวัฒนธรรมตะวันตกได้มาก โดยเฉพาะคนที่เคยไปศึกษาที่ต่าง
ประเทศและคนที่เคยไปต่างประเทศ จะได้รับอิทธิพลด้านวัฒนธรรมการกินดื่มเเละการใ้ชีวิตของชาวต่างาติ โดยส่วน
ใหญ่จะชอบดื่มกาแฟหรือไม่ก็ดื่มกาแฟเป็นประจำ นอกจากนี้คนที่มีการศึกษาสูงกมีโอกาสทำงานที่ดีและมีรายได้สูง ดังนั้น
จึงค่อนข้างมีความสามารถในการบริโภคเเละมีอุปสงค์ต่อกาแฟ ค่อนข้างมากตามไปด้วย

2553-08-16

การขอกู้เงินเพื่อเปิดร้านกาแฟ

ผู้ประกอบการที่อยากขอกู้เงิน จะต้องมีแผนการเปิดกิจการหนึ่งฉบับ และหลังจากผ่านการตรวจสอบแล้ว ก็จะส่งแผนการนี้ไปยังธนาคารที่ร่วมมือกันเพื่อจัดสรรเงินกู้
หากเขียนแผนการเปิดกิจการไม่เป็นก็ลองหาหนังสือหรือเวบไซต์ที่มีตัวอย่างการเขียนแผนงานไปลองศึกษาวิธีการเขียนก่อนก็ได้ เพื่อให้สามารถเขียนแผนการเปิดกิจการด้วยตัวเอง ก่อนเปิดกิจการอาจจะลองเขียนแผนการเปิดกิจการให้ตัวเองสักหนึ่งฉบับดูก่อนก็ได้ เพื่อจะได้รู้ว่าตัวเองยังขาดอะไรบ้างหรือยังไม่เข้าใจในจุดไหนแล้วค่อยปรับรายละเอียดในแผนการให้เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดและสภาพแวดล้อม การทำเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเปิดกิจการเป็นอย่างมากนอกจากนี้แผนการที่สมบูรณ์แบบที่สุดจะต้องอาศัยเงินทุนที่เพียงพอด้วยจึงจะสามารถเป็นจริงขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นก็คงเป็นแค่บทความที่ถูกเก็บทิ้งไว้อยู่ในบ้าน
แผนการเปิดกิจการที่สมบูรณ์และประสบความสำเร็จมีจุดสำคัญหลักสองประการคือ
1. ต้องมีโครงสร้างที่ชัดเจนเรียบง่าย คนอ่านอ่านง่าย อ่านแล้วเข้าใจ
2. รายละเอียดจะต้องมีสาระและมีข้อมูลที่ละเอียด เป็นระเบียบชัดเจน
รายละเอียดของแผนการเปิดกิจการ
1. ใจความสำคัญ. เจตนารมณ์ในการทำกิจการ เป้าหมายและ รายละเอียด
2. สินค้าหรือบริการ. สภาพการผลิต เบื้องหลังการผลิตปริมาณการผลิต สินค้าหรือบริการ นโยบายในการพัฒนาและขนาดการลงทุน
3. วิเคราะห์ตลาด. วีเคราะห์ผู้บริโภค วิเคราะห์ตลาดวิเคราะห์คู่แข่ง วิเคราะห์ความอยู่รอดของกิจการ ขนาดและแนวโน้มของตลาด ประเมินปริมาณการจำหน่ายล่วงหน้า
4.แผนการตลาด. นโยบายการขายโดยรวม การกำหนดการบริการ การโฆษณา เป็นต้น
5.การดำเนินการ. เวลาทำการ การเลือกสถานที่ประกอบกิจการ นโยบายและแผนการประกอบกิจการ
6.การจัดการด้านบุคลากร โครงสร้างบุคลากร จำนวนพนักงาน โครงสร้างผู้ถือหุ้น เงินลงทุน สัดส่วน
7.แผนการเรื่องทรัพย์สิน การควบคุมต้นทุน ประเมินกำไรล่วงหน้า งบดุลทรัพย์สินและหนี้สิน ประเมินการหมุนเวียนเงินล่วงหน้า และการคืนเงินในอนาคต
8.ประเมินการคืนทุนล่วงหน้า จำกัดระยะเวลาการคืนทุนเป้าหมายด้านทรัพย์สิน
9.ทำการสรุป ถือเป็นขั้นตอนสุดท้าย

ผู้ประกอบการสามารถศึกษาการเขียนแผนการดำเนินได้จากหนังสือวางแผนการกู้ยืมเงินสำหรับคนหนุ่มสาวที่ต้องการเปิดกิจการหรือหนังสือวางแผนการกู้ยืมเงินสำหรับการเปิดกิจการขนาดเล็ก เพียงแค่นี้ก็สามารถเขียนแผนการดำเนินกิจการที่สมบูรณ์ได้แล้ว
ถึงแม้จะเขียนแผนงานได้อย่างสมบูรณ์แบบก็ไม่แน่ว่าจะได้รับการอนุมัติเงินกู้ และถึงแม้จะผ่านการอนุมัติจากรัฐบาล
แต่ก็ไม่แน่ว่าจะผ่านการอนุมัติจากธนาคารหรือไม่ ดังนั้นหากสนใจอยากขอกู้เงิน หากไม่ได้รับการอนุมัติเงินกู้ ก้ต้องมีแผนการสำรองหรือเงินทุนสนับสนุนอย่างอื่นเตรียมไว้บ้าง

แหล่งเงินกู้ภาครัฐในประเทศไทย
ธนาคารพัมนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.หรือ SMEbank)

คุณสมบัติ
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMES) ในภาคเอกชน โดยกำหนด กิจการที่ลงทุนในสินทรัพย์ถาวรไม่เกิน 200 ล้านบาท หรือ ตามจำนวนที่กำหนดโดยกฏกระทรวง โดยให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมและธุรกิจ SMES ดังต่อไปนี้
. กจการอุตสาหกรรม
. กิจการค้าปลีก ค้าส่ง
. กิจการการบริการ
. กิจการอื่น ๆ เช่น ผู้ประกอบการนิคม / เขต / ส่วนอุตสาหกรรม หรือ นิคม / เขต / สวน SMES
ตามหลักเกณฑ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กิจการอื่นๆ ตามที่ คณะกรรมการธพว.กำหนด และกิจการที่ขอกู้ต้องมีการลงทุนของผู้ประกอบการขั้นต่ำ ไม่น้อยกว่า 20% ของการลงทุนในโครงการ

จำนวนเงินกู้ยืม
. วงเงินให้กู้ขั้นต่ำ 5 หมื่นบาท และสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาท หรือไม่เกินจำนวนที่รัฐมนตรีประกาศ

ระยะเวลาการกู้ยืม
. ระยะเวลาให้กู้ไม่เกิน 15 ปี มีระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้น (Grace period) ไม่เกิน 3 ปี

อัตราดอกเบี้ย
ชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือน ในระหว่างปลอดชำระคืนเงินต้น
เมื่อพ้นระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้น ให้ชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย เป็นรายเดือน หรือตามความเหมาะสมของรายได้ของกืจการ
ที่มาของข้อมูล http //www.smebank .co.th

ธนาคารออมสิน
ประเภทสินเชื่อ: สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการรายใหม่
คุณสมบัติ
. เป็นผู้ที่ผ่านการฝึกอาชีพจากหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานเอกชนที่ส่วนราชการรับรองแล้วหรือมีประสบการณ์พื้นฐานในอาชีพที่จะประกอบการมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ และเมื่อรวมอายุผู้กู้ กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ ต้องไม่เกิน 60 ปี

จำนวนเงินกู้ยืม
. ให้กู้ได้ตามความจำเป็น ความเป็นไปได้ของธุรกิจ และความสามารถในการชำระคืนรายละไม่เกิน
200,000 บาท
ระยะเวลาการกู้ิยม : ไม่เกิน 5 ปี (60 เดือน)
อัตกดอกเบี้ย : MLRบวกเพิ่มร้อยละ 2 ที่มาของข้อมูล http://www.gsb.or.th

2553-08-10

กฎหมายเกี่ยวกับกาแฟ

การจะเปิดร้านกาแฟนั้น ต้องรู้หลักการทางกฎหมายเกี่ยวกับกาแฟไว้บ้าง เพราะทุกที่ต้องมีกฎกติกา หากเราต้องการเปิดร้านกาแฟและจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์แล้ว ควรรู้กฎหมายเกี่ยวกับกาแฟไว้


(สำเนา)
ประกาศกระทรวงสาธารณะสุข
(ฉบับที่ 197)พ.ศ.2543
เรื่องกาแฟ
------------------------------------
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย
เรี่อง กาแฟ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 6 (3) (4) (5) (6)
(7) และ (10) แห่งพระราชบัญญิตอาหาร พ.ศ. 2522 อันเป็นพระราชบัญญัติ
ที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่ง
มาตรา 29 ประออบกับมาตรา 35 มาตรา 48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติ
แห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิก
(1) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 77 (พ.ศ. 2527) เรื่องกาแฟ
ลงวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2527
(2) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 132 (พ.ศ. 2533) เรื่อง
กาแฟ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2533
(3) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 181 ) พ.ศ. 2540 เรื่อง
กาแฟ (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540

ข้อ 2 ให้กาแฟที่คั่วแล้ว เป็นอาหารที่กำหนดคุณภาพหรีอมาตรฐาน

ข้อ 3 กาแฟตามข้อ 2 แบ่งออกเป็น 6 ชนิด ดังต่อไปนี้
( 1) กาแฟแท้ หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากผลที่แก่จัดของต้น
กาแฟในสกุล คอฟเฟีย (coffea) ผ่านกรรมวิธีเอาเมล็ดออก นำเมล็ดมาคั่ว
จนได้ที่ และอาจบดให้ได้ขนาดตามความต้องการ
(2) กาแฟผสม หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากอาแฟตาม (1)
ที่มีสิ่งอื่นที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นส่วนผสมอยู่ด้วย
(3) กาแฟที่สกัดกาเฟอีนออก หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก
กาแฟตาม ( 1 ) ที่ได้สกัดเอากาเฟอีนออก
(4) กาแฟสำเร็จใป หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากผลที่แก่่จัด
ของต้นกาแฟในสกุลคอฟเฟีย ผ่านกรรมวิธีเอาเมล็ดออก นำเมล็ดมาคั่วจนได้ที
โดยมิได้มีการผสมสิ่งอื่นใด แล้วนำมาสกัดด้วยน้ำเท่านั้น นำไประเหยน้ำออก
จนแห้งด้วยกรรมวิธีที่เหมาะสม มีลักษณะเป็นผง หรือเป็นเกล็ด หรือลักษณะ
อื่นๆ นเละสามารถละลายน้ำได้หมดทันที
(5) กาแฟสาเร็จรูปผสม หมายความว่า กาแฟสำเร็จรูปตาม (4) ที
มีสิ่งอื่นที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นส่วนผสมอยู่ด้วย
(6) กาแฟสาเร็จรูปที่สกัดกาเฟอีนออก หมายความว่า ผลิตภัณท์ที
ได้จากกาแฟตาม (4) ที่ได้สกัดเอากาเฟอีนอออ ในกรณีที่นำกาแฟตาม ( 1 )
(2) (3) (4) (5) หรีอ (6) มาปรุงแต่งรสในลักษณะพร้อมบริโภคและบรรจุใน
ภาชนะปิดสนิท ไม่ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นชนิดเหลวหรีอแห้ง ให้ถือว่า
เป็นกาแฟงงต้องปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้ด้วย

ข้อ 4 กาแฟแท้ต้องมีคุณกาพหรีอมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
( 1 ) มีกลิ่นและรสของกาแฟแท้
(2) มีเถ้าทั้งหมดไม่เกิินร้อยละ 6 ของน้ำหนัก และเถ้าทั้งหมดนั้นต้องละลายน้ำได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของน้ำหนัก
(3) มีกาเฟอีนไม่น้อยกว่าร้อยละ 1 ของน้ำหนัก
(4) มีน้ำตาล คำนวณเป็นน้ำตาลอินเวิร์ตทั้งหมดได้ไม่เกินร้อยละ 1.5 ของน้ำหนัก
(5) ไม่ผสมวัตถุอื่นใด ยกเว้นวัตถุที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพที่ใช้เพื่อสารคั่วและแต่่งกลิ่น
(6) ไม่ใช้สี เว้นแต่สีน้ำตาลเคี่ยวไหม้หรือสีคาราเมล

ข้อ 5 กาแฟผสมต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
(1) มีกาแฟเป็นส่วนผสมไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของน้ำหนักเมื่อแห้ง
(2) ใช้วัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลได้ตามมาตรจาน เอฟ เอ โอ
ดับบลิว เอช โอ โคเด็กช์ (Joint FAO/WHO' codex) ที่ว่าด้วยเรื่องวัตถุ
เจือปนอาหาร และฉบับที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมในกรณีที่ไม่มีมาตรฐาน กำหนดไว้
ตามวรรคหนึ่ง ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศกำหนด
โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอาหาร
(3) มีคุณภาพหรีอมาตรฐานตามที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

ข้อ 6 กาแฟที่สกัดกาเฟอีนออก ต้องมีคุณภาพหรือมาตรจานดังต่อไปนี้
(1 ) มีกาเฟอีนไม่เกินร้อยละ 0. 1 ของน้ำหนัก
(2) มีคุณภาพหรือมาตรฐานตามที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน
คณะกรรมการอาหารและยา

ข้อ 7 กาแฟสำเร็จรูป ต้องมีคุณภาพหรีอมาตรฐานดังต่อไปนี้
( 1 ) มีกลิ่นและรสของกาแฟแท้
(2) มีความจ้นไม่เกินร้อยละ 5 ของน้ำหนัก
(3) มีเถ้าทั้งหมดไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของน้ำหนักเมื่อแห้ง
(4) มีกาเฟอีนไม่น้อยกว่าร้อยละ 2.5 ของน้ำหนัก

ข้อ 8 กาแฟสำเร็จรูปผสม ต้องมีคุณภาพหรีอมาตรฐานดังต่อไปนี้
(1) มีความจ้นไม่เกินร้อยละ 5 ของน้ำหนัก
(2) มีกาเฟอีนไม่น้อยกว่าร้อยละ 1.5 ของน้ำหนัก
(3) ไม่ใช้สี เว้นเเต่ สีน้ำตาลเคี่ยวไหม้หรือสีคาราเมล
(4) ใช้วัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลได้ตามมาตรฐาน เอฟ เอ โอ/ดับบลิว นอช โอ โคเด็กช์ (Jolnt FAO/WHO' codex) ที่ว่าด้วยเรี่อง วัตถุ
เจือปนอาหาร และฉบ้บที่ได้แก้ใขเพิ่มนติมในกรณีที่ไม่มีมาตฐานกำหนดไว้
ตามวรรคหนึ่ง ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศกำหนด
โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอาหาร
(5) มีคุณภาพหรือมาตรฐานตามที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

ข้อ 9 กาแฟสำเร็จรูปที่สกัดกาเฟอีนออก ต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐานดังต่อไปนี้
(1) มีความชื้นไม่เกินร้อยละ 5 ของน้ำหนัก
(2) มีอาเฟอีนไม่เกินร้อยละ 0.3 ของน้ำหนัก
(3) มีคุณภาพหรือมาตรฐานตามที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน
คณะกรรมการอาหารและยา

ข้อ10 กาแฟตามวรรคสองของข้อ 3 ชนิดเหลว ต้องมีคุณภาพหรือมาตรจาน
ดังต่อไปนี้
( 1) มีกลิ่นและรสตามลักษณะเฉพาะของกาแฟนั้น
(2) มีกาเฟอีนไม่เกิน 100 มิลลิกรัม ต่อกาแฟปรุงสำเร็จชนิดเหลว
100 มิลลิลิตร และกาเฟอีนดังกล่าวต้องมาจากกาแฟที่ใช้เป็นวัตถุดิบเท่านั้น
(3) ตรวจพบแบคทีเรียชนิดโคลิฟอร์ม น้อยกว่า 2.2 ต่อกาแฟ 100
มิลลิลิตร โดยวิธีเอ็ม พี เอ็น (Most Proboble Number)
(4) ตรวจไม่พบแบคทีเรียชนิด อี.โคไล (Escherichia Coli)
(5) ไม่มีจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค
(6) ไม่มีสารเป็นพิษจากจุลินทรีย์หรือสารเป็นพิษอื่นในปริมาณที่
อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
(7) ไม่มียีสต์และเชื้อรา
(8) ใช้วัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลได้ตามมาตรฐาน เอฟ เอ โอ
ตับบลิว เอช โอ โคเด็กช์ (Joint FAO/WHO' codex) ที่ว่าด้วยเรื่อง วัตถุ
เจือปนอาหาร และฉบับที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมในกรณีที่ไม่มีมาตรการกำหนดไว้
ตามวรรคหนึ่ง ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศกำหนดโดย
ความเห็นชอบของคณะกรรมการอาหาร (9) มีวัตถุกันเสียได้ ดังต่อไปนี้
(9.1) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไม่เกิน 70 มิลลิกรัม ต่อกาแฟปรุงสำเร็จ 1 กิโลกรัม
(9.2) กรดเบนโซอิค หรือกรดซอร์บิค หรือเกลีอของกรดทั้งสองนี้ โดย
คำนวณเป็นตัวกรดได้ไม่เกิน 200 มิลลิกรัม ต่อกาแฟปรุงสำเร็จ 1 กิโลกรม
การใช้วัตถุกันเสียให้ใช้ได้เพียงชนิดหนึ่งชนิดใตตามปริมาณที่
กำเนิดใน (9.1 ) หรีอ (9.2) ถ้าใช้เกินหนึ่งชนิด ต้องมีปริมาณรวมกันไม่เกิน
ปริมาณของวัตถุกันเสียชนิดที่กำหนดให้ใช้น้อยที่สุด
เมื่อจำเป็นต้องใช้วัตฤอันเสียแตกต่างไปจากที่กำหนดไว้ดังกล่าว
ข้างต้น ต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

ข้อ 11 กาแฟปรุงสำเร็จชนิดแห้ง ต้องมีคุณภาพหรือมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
( 1) ความชื้นได้ไม่เกินร้อยละ 6 ของน้ำหนัก
(2) เมื่อละลายหรือผสมน้ำตามที่กำหนดไว้ในฉลาก ต้องมีคุณภาพ
หรีอมาตรฐานตามข้อ 10

ข้อ 12 ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้ากาแฟเพี่อจำหน่าย ต้องปฏิบัติตามประกาศ
กระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยเรื่อง วิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใช้ใน
การผลิต และการเก็บรักษาอาหาร

ข้อ 13 การใช้ภาชนะบรรจุกาแฟ ให้ปฏิบิตตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ว่าด้วยเรื่อง ภาชนะบรรจุ

ข้อ 14 การแสดงฉลากของกาแฟ ให้ปฏิบิตตามประกาศอระทรวงสาธารพสุข
ว่าด้วยเรื่อง ฉลาก

ข้อ 15 ให้ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร หรือใบสำคัญการใช้ฉลาก
อาหารตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 77 (พ.ศ. 2527)
เรื่อง กาแฟ ลงวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2527 แก้ไขเพิ่มเติมโดย
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 132 (พ.ศ. 2533) เรี่องกาแฟ
(ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2533 และประกาศกระทรวง
สาธารณสุข (ฉบับที่ 181) พ.ศ. 2540 เรื่อง กาแฟ (ฉบับที่ 3) ลงวันที่
21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 ชึ่งออกใช้ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ
ยังคงใช้ต่อไปได้อีกสองปี นับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ

ข้อ 16 ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้ากาแฟที่ได้รับอนุญาตอยู่อ่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ
ยื่นคำขอรับเลขสารบบอาหารภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้
บังคับ เมื่อยื่นคำขอดังกล่าวแล้วให้ได้รับการผ่อนผันการปฎิบัติตาม
ข้อ 12 ภายในสองปี นับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ และให้คงใช้
ฉลากเดิมที่เหลืออยู่ต่อไปจนกว่าจะหมดแต่ด้องไม่เกินสองปี นับแต่
วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ

ข้อ 17 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมี่อพ้นภำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วัน
ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2543

(ลงชื่อ) กร ทัพพะรังสี
(นายกร ทัพพะรังสี)
รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข

(คัดจากราชกิจจานุเบกษาฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 118 ตอนพิเศษ 6 ง. ลง
วันที่ 24 มภราคม 2544)

รับรองสำเนาถูกต้อง
(นางสาวจิรารัตน์ เทศะศิลป์)
นักวิชาการอาหารและยา 5

2553-08-03

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเช่าสถานที่เพื่อเปิดร้านกาแฟ

ร้านกาแฟ
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเช่าสถานที่เพื่อเปิดร้านกาแฟ
ก่อนการตัดสินใจเช่าสถานที่เพื่อเปิดร้านกาแฟมีสิ่งที่เราต้องใส่ใจมากๆหลายอย่าง อย่างเช่นสำรวจบริเวณรอบๆทำเลที่เราตัดสินใจ การวิเคราะห์ประเมินที่ตั้ง การดูกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พีจารณาเรื่องความสะดวกในการเดินทาง ร้านแห่งนี้มีแผนการอะไรหรือเปล่า จะมีโครงการปรับเปลี่ยน
หรือเวนคืนหรือไม่ ทำความเข้าใจเรืองข้อตกลงในการเช่าหรือจะลองเจรจากับเจ้าของให้ลดค่าเช่าลงอีกได้หรือไม่ หรืออาจจะลดจำนวนเงินลงทุน แต่ใช้วิธีเพิ่มระยะเวลาในการกู้ยืมแทน เจ้าของกิจการโดยส่วนใหญ่จะแนะนำผู้ประกอบการรายใหม่ว่า ช่วงแรกของการทำกิจการอย่าเพิ่งเช่าในระยะยาว ควรทำสัญญาเพียง1ปีก่อน รอให้มีแนวทางในการดำเนินกิจการหรือคืนทุนเสียก่อน แล้วค่อยต่อสัญญาเช่าในระยะยาวก็ได้

เพราะว่ากำไรในการเปิดร้านกาแฟนั้นไม่ได้มากมายอะไร ระยะเวลาคืนทุน อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย1-5 ปีก็ได้ เพราะแค่เริ่มต้นก็ลงทุนก็ต้องเสียค่าออกแบบตกแต่งร้านไป เป็นจำนวนมาก ทำกิจการไป3-5 ปี ก็คงจะยังไม่ได้ต้นทุนคืน ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ หลังจากเช่าไป 1-2 ปีแล้วเจ้าของไม่ให้เช่าต่อ ยังไม่ทันได้ทุนคืน ก็ขาดทุนไปกับค่าตกแต่งเสียแล้ว เจ้าของร้านกาแฟส่วนใหญ่จึงแนะนำผู้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ว่า หากเช่าไม่ถึง 5 ปี ทางที่ดีก็อย่ารีบเปิดร้านกาแฟ ถ้าเจ้าของทีไม่ยอมให้เช่าถึง 5 ปีอย่างน้อยก็ต้องเช่าสัก 3 ปี

ข้อควรระวังเป็นพิเศษในด้านอื่นๆ อีก เช่น

1. เปรียบเทียบค่าเช่ากับบริเวณใกล้เคียงกันก่อนว่าค่าเช่า แตกต่างกันหรือไม่อย่างไร
การยอมรับค่าเช่าที่สูงลิบเพียงเพราะต้องการจะเปิดร้าน ในอนาคตมันจะกลายเป็นความกดดันในการประกอบ กิจการก็เป็นได้

2. ไม่ว่าจะจดทะเบียนพาณิชย์หรือจดทะเบียนเป็นบริษัท ก็ต้องมีที่อยู่ของที่ตั้งนั้นๆ ตอนที่ตัดสินใจเช่าบ้านจะต้องขอให้ทะเบียนบ้านจากเจ้าของที่ และหลังจากได้รับหนังสือยินยอนจากเจ้าของว่าให้จัดตั้งบริษัทหรือจดทะเบียนพาณิชย์แล้ว ก็เซ็นต์สัญญากับเจ้าของที่ อย่าเซ็นต์สัญญาแล้วค่อยจัด
ตั้งบริษัททีหลังเป็นอันขาด เพราะจะไมสามารถยกเลิกการเช่าและต้องฝืนใจทำกิจการต่อไป

3. หากเปิดร้านกาแฟ ร้านแห่งนี้ถูกต้องตามกฎการจดทะเบียนหรือไม่ เช่นการใช้ที่ดินและการก่อสร้าง รวมถึงเรื่เงความปลอดภัย เป็นต้น
4. สอบถามให้ชัดเจนว่าคนที่ให้เช่าเป็นเจ้าของเองหรีอเปล่า ต้องรู้ก่อนว่าคนที่เซ็นต์สัญญามีสิทธิ์ในการครอบครองจริงหรือไม่ ไม่ใช่ว่าเช็นต์สัญญาและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วแล้วจึงพบว่าเจ้าของเป็นอีกคน
5. ต้องบอกให้เจ้าของรู้ว่าคุณมีความคิดที่จะทำกิจการในระยะยาว และต้องเข้าใจแนวคิดในการให้เช่าของเจ้าของด้วย เช่นว่าเจ้าของมีความกดดันเรื่องการเงินหรือเปลา ต้องการให้เช่าในระยะยาวหรือไม่ หรือว่าหากได้ราคาดีก็คิดจะขายทิ้งไป สิ่งที่กลัวที่สุดในการทำการค้าก็คือ ลงทุนจ่ายค่าเช่าไปแล้วเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อทำการค้าไปได้ 1-2 ปี เจ้าของกลับต้องการขอคืนห้องเพื่อขายทิ้ง ในตอนนั้นคุณอาจจะยังไม่ได้ค่าตกแต่งและเงินลงทุนในช่วงแรกคืนเสียด้วยซ้ำ และต้อง
เริ่มต้นใหม่ การหาเจ้าของที่ดีนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากเจ้าของที่ดีจะสนับสนุนความคิดของคุณในการประกอบกิจการระยะยาว

6. เวลาเซ็นต์สัญญาจะต้องระบุให้ชัดเจนถึงการปรับค่าเช่าในแต่ละปีรวมถึงความต่อเนื่องของสัญญา โดยเฉพาะเรื่องร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นว่า หลังจากสร้างรายได้ได้แล้วเจ้าของที่กลับอิจฉา เมื่อครบกำหนดชำระค่าเช่าจึงถือโอกาสขึ้นราคา หากเจอเจ้าของที่เมื่อครบกำหนดแล้วปรับราคาขึ้น อาจจะมีทางเลือกอยู่สองทางคือ หนึ่งยอมกัดฟันจ่ายค่าเช่าเพิ่ม สองคือหาร้านแห่งใหม่ สร้างห้องครัวใหม่ หากเป็นเช่นนั้นเวลาที่ใช้ใปกับการลงทุนและเงินที่ใช้ไปกับการตกแต่งร้าน ในช่วงแรกก็เท่ากับว่าต้องละลายไปกับน้ำเพราะฉะนั้นตอนทำสัญญาเช่าต้องระบุแน่ชัดในสัญญาให้ชัดเจนว่า ค่าเช่า เป็นเท่าใด ระยะเวลาคงที่เท่าใด ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในข้อตกลงเรื่องการปรับเพิ่มค่าเช่า
7. ปัญหาด้านกฎหมาย จะต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจน การเซ็นต์สัญญาเช่ากับเจ้าของนั้นตัวอย่างหนังสือสัญญาเช่าสำเร็จรูปนั้น รัฐบาลได้ตีพิมพ์เป็นตัวอย่างไว้ด้วย หรืออาจจะเข้าไปดูตัวอย่างในอินเตอร็เนทใด้ หรือดูจากเว็บใซต์ต่างๆได้ หากข้อตกลงบางเรื่องไม่มีอยู่ในสัญญาสำเร็จรูป ก็ควรจะระบุเพื่อลงใปให้ชัดเจน ไว้ตอนเช็นต์สัญญาด้วย

8. หากต้องซ่อมแทรกห้องเช่า ต้องระบุให้ชัดเจนว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่าย หรือในอนาคตตอนคืนห้องจะต้องทำให้กลับฟูสภาพเดิมหรือไม่ หากจะต้องคืนในสภาพเดิมก็ควรถ่ายรูปและเก็บรักษาไว้ในที่ที่หาเจอ เพื่อไม่ให้ตีความขัดแย้งกันในภายหลัง

ข้อควรระวังในการแบ่งเช่าหรือหักส่วนแบ่ง
ร้านกาแฟ อาจจะตั้งอยู่ในย่านธุรกีจอย่างเช่นห้างสรรพสินค้า ร้านหนังสือ โรงพยาบาล ตึกสำนักงานหรือสวนวิทยาศาสตร์ก็ใด้ อาจจะแบ่งเช่าจากร้านอื่น หรือจะใช้วธีหักส่วนแบ่งเอาก็ได้เช่นกัน

ข้อควรระวังในการแบ่งนขาจากร้านอื่น
1. ต้องคุยกับเจ้าของใหญ่โดยตรง เพื่อหลีกเลียงการคุยกับเจ้าของคนรอง เพราะค่าเช่าอาจจะค่อนข้างแพง ภายหลังหากมีความขัดแย้งเรืองค่าเช่าจะจัดการได้ยาก

2 ธุรกิจที่เหมาะจะไปร่วมกิจการกับร้านกาแฟ ต้องมีลักษณะที่เงียบสงบพอๆ กัน เช่นธุรกิจเกี่ยวกับศิลปะ ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า เป็นต้น กิจการที่มีเสียงดังอึกทึกอย่างส่วนสนุกนั้นไม่
ควรอย่างยิ่ง ถ้าบ้านที่ไปร่วมด้วยเป็นร้านอาหารก็ต้องระวังว่าต้องไม่ขายอาหารที่มีกลิ่นแรง อย่างเช่นพวกเต้าเจี้ยวก็ดูจะไม่เหมาะกับร้านกาแฟนักหากใช้วิธีการหักส่วนแบ่ง จะต้องระวังว่า

1. ส่วนแบ่งทีหักนั้นต้องไม่มากจนเกินไป โดยทั่วไปแล้วการหักส่วนแบ่งจะหักประมาณ 20%ของผลประกอบการ

2. เนื่องจากฟวนแบ่งที่เจ้าของได้รับเท่ากับค่าเช่าและค่าใช้จ่ายจุกจิกอกมากมาย จะต้องระมัดระวังว่าส่วนแบ่งนั้นรวม ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าสาธารณูปโภคอื่นๆ ด้วยหรือไม่ไม่เช่นนั้นต้นทุนที่สูงเกีนไปอาจจะทำให้ไม่ใด้กำไรจากการเปิดร้านกาแฟก็เป็นได้

2553-07-20

ขายกาแฟโบราณ

กาแฟโบราณ

ขาย กาแฟ โบราณ
กาแฟโบราณ ที่เราเห็นตามสองข้างทาง ทั้งที่เปิดเป็นร้าน หรือใช้รถพ่วงข้าง ดัดแปลงเป็นร้านกาแฟเคลื่อนที่ เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ เพราะกาแฟโบราณนั้นขายดี ใครๆก็นิยมดื่ม ซึ่งแนวโน้มในปัจจุบันนี้ คนไทยดื่มกาแฟกันมากขึ้น โดยเฉพาะในวัยทำงาน วันนี้ขอเสนออีกทางเลือกหนึ่งของผู้ประกอบการที่มีต้องการอยากเปิดร้านกาแฟโบราณ ข้อดีคือใช้ทุนน้อย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์หรือพื้นที่ในการค้าขายที่ใหญ่โตนัก การดัดแปลงรถพร้อมหลังคา หรือ มีหน้าร้าน หน้าบ้านที่สามารถตั้งเคาน์เตอร์หรือ ตั้งโต๊ะตู้ก็ได้

อุปกรณ์การขายโบราณ ก็ไม่ได้มีมากมาย หลักๆก็มีดังนี้
1.สถานที่จะเปิดร้าน อาจจะใช้รถพ่วง หรือ เค้าน์เตอร์ หรือโต๊ะกาแฟตั้งขายก็ได้
2. หัวเตาแก๊ส พร้อมถังแก๊ส อุปกรณ์ 1 ชุด
3. หม้อต้มกาแฟ 1 ใบ
4. กระป๋องชงถ่ายชา 1 กาแฟ 4 ใบ
5. กระบวยตักน้ำร้อน
6. ถุงชงชา-กาแฟ
7. ถ้วยชงชา-กาแฟ
8. ช้อนชงชา
9. ทีเปิดกระป๋องนม
10. ที่จุดเตาแก๊ส 1 อัน
11. ภาชนะใส่ชา-กาแฟ-น้ำตาล ให้แลดูสะอาดสวยงาม

วัติถุดิบในการทำกาแฟโบราณ
1. กาแฟโบราณยี่ห้อต่างๆ 1 กล่อง
2. ชา 1 ถุงใหญ่
3.โอวัลติน 1 กล่อง
4. นมข้นจืดหรือนมสดมะลิ 2 กระป๋อง
5. นมข้นหวานมะลิ 2 กระป๋อง
6.น้ำหวานเฮลซ์บลูบอย สี เขียว-แดง 2 ขวด
7. น้ำตาลทรายขาว 1 กิโลกรัม
8. ไข่ไก่ สำหรับทำไข่ลวก

**สูตรกาแฟโบราณแบบต่างๆ
1.สูตรกาแฟร้อน
ส่วนผสม
กาแฟชง ¾ แก้วชง
นมข้นหวาน 3 ช้อนชา
นมสด 1 ช้อนชา

วิธีการชง
กาแฟที่จะชงคือ กาแฟในถุงชงเตรียมไว้ และแช่อยู่ในกระป๋องสำหรับชงถ่าย ก่อนการชงควรลวกแก้วกาแฟก่อน 1 ครั้งเพื่อไม่ให้กาแฟเสียรสชาติ หลังจากลวกแก้วแล้ว ใส่นมข้นหวานลงไป 3 ช้อนชา + นมสด 1 ช้อนชา และไม่ต้องคน จากนั้นค่อยนำกาแฟจากกระป๋องถ่ายมาเทใส่ลงไป ให้ค่อนแก้วหรือประมาณ ¾ แก้ว เสิร์ฟร้อนๆ ให้ลูกค้าคนกาแฟเองก่อนดื่ม จะอร่อย

2.กาแฟเย็น
ส่วนผสม
1. กาแฟ 2 ช้อนโต๊ะ/น้ำร้อน 1 กระบวย
2. นมขนหวาน 3 ช้อนชา
3. นมสด ช้อนชา
4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
5.นมสดสำหรับดรยหน้า 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีการชง
การชงกาแฟเย็นจะใช้ส่วนผสม อัตราส่วน กาแฟ 2 ช้อนโต๊ะต่อน้อร้อน 1 กระบวย กาแฟเย็น 1 แก้วอาจจะใช้กาแฟ 2-3 ช้อนโต๊ะเพื่อให้ความเข้มข้นมาก
หรือถ้าต้องการให้กาแฟอ่อนลงหน่อย ก็สามารถเพิ่มน้ำขึ้นไปอีก
เทคนิคที่ไม่ควรมองข้ามคือ น้ำประปาที่นำมาต้มต้องผ่านเครื่องกรองน้ำทุกครั้ง ถ้าไม่มี

3.โอเลี้ยง
ส่วนผสม
กาแฟ 1/2 แก้ว
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็ง

วิธีทำโอเลี้ยง
ใส่น้ำตาลทรายลงในแก้ว 3 ช้อนโต๊ะ เทกาแฟจากหม้อถ่ายลงไปครึ่งแก้ว
จากนั้นให้เติมน้ำร้อนลงไปให้ได้ค่อนแก้ว 3/4 แก้วคนๆให้เข้ากันและเทใส่ถุงที่บรรจุน้ำแข็งหรือแก้วโอเลี้ยง ถ้าหากทำโอเลี้ยงยกล้อก็เพียงแค่เติมนมสดลงไป

4.โอวัลตินเย็น
ส่วนผสม
โอวัลติน 2 ช้อนชา
นมข้นหวาน 2 ช้อนชา
นมสด 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำร้อน 1/2 แก้ว
น้ำแข็ง

วิธีทำ
นำโอวัลตินและส่วนผสมอื่นๆ ยกเว้นน้ำแข้งใส่แก้ว แล้วเทน้ำร้อนใส่ คนๆให้เข้ากัน
เทใส่น้ำแข็ง เติมนมสดโรยหน้า

5.โอวัลตินร้อน
ส่วนผสม
โอวัลติน 2 ช้อนชา
นมข้นหวาน 3 ช้อนขา
นมสด 1 ช้อนชา
น้ำร้อน ครึ่งแก้ว

วิธีทำ
ใส่โอวัลตินลงในแก้ว เทน้ำร้อน ½ แก้วไปคนๆให้โอวัลตินละลาย ใส่นมข้นหวาน 3 ช้อนชาลงไป
เติมนมสด 1 ช้อนชา ไม่ต้องคน ยกเสิร์ฟ ให้ลูกค้าคนเอง

6.ชาเย็น
ส่วนผสม
ชา 1ช้อนโต๊ะ
นมข้นหวาน 3 ช้อนชา
นมสด 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ชงชาก่อนโดยใช้อัตราส่วน ชา 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำร้อน 1 กระบวย จากนั้น
2.ใส่นมข้นหวานลงไปในแก้ว น้ำตาลทราย พร้อมกับนมสด จากนั้น เทน้ำชาที่ชงไว้ใส่ลงไป คนให้เข้ากัน
3. เทใส่น้ำแข็ง เติมนมสดโรยหน้า เพิ่มความหอมมัน

7.ชาร้อน
ส่วนผสม
ชา 1 ช้อนโต๊ะ
นมข้นหวาน 3 ข้อนขา
นมสด 1 ช้อน

วิธีทำ
1. ชงชาก่อนโดยใช้อัตราส่วน ชา 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำร้อน 1 กระบวย
2.ใส่นมข้นหวาน นมสดลงไป
3.เทน้ำชาที่เตรียมไว้ลงไป 3/4 แก้ว

8.ชาดำเย็น
ส่วนผสม
ชาที่ชงแล้ว 3/4 แก้ว
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็ง

วิธีทำ
1.ใส่น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำชาร้อนที่เตรียมไว้ 3/4 แก้ว คนๆให้เข้ากัน
2. เทใส่แก้วหรือถุงที่ใส่น้ำแข็งเตรียมไว้

9.นมเย็น
ส่วนผสม
น้ำหวานเฮลซ์บลูบอยกลิ่นสละ 2 ช้อนโต๊ะ
นมข้นหวาน 2 ช้อนชา
นมสด 1 ช้อนชา
นมสดสำหรัยโรยหน้า
น้ำแข็ง

วิธีทำ
1. น้ำหวานเฮลซ์บลูบอยกลิ่นสละเทใส่แก้วเตรียมไว้ชง 2 ช้อนโต๊ะ
2. ตามด้วยนมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะตามด้วยนมสด 1 ช้อนชา
3. เทน้ำร้อนตามลงไป 3/4 แก้ว คนให้เข้ากัน เทใส่น้ำแข็ง โรงนมสด

10.โอยั๊วะ
ส่วนผสม
กาแฟ 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
เดิมน้ำร้อนด่อนแก้ว (ให้ลูกค้าคนเอง)

วิธีทำ
1. ใส่น้ำตาลทราย 2 ซ้อนโต๊ะลงไป
2. ใส่กาแฟลงไป ให้ลูกค้าคนเอง

***ไข่ลวก
ไข่ลวกเป็นส่วนที่ ขาดไม่ได้ในการกินกาแฟโบราณ เพื่อเพิ่มรสชาติ ดื่มกาแฟตอนเช้าๆร่วมกับไข่ลวกดูจะเข้ากันได้ดี

วิธีทำไข่ลวก
1. นำไข่ไก่ใส่ลงไปในหม้อ แล้วเทน้ำร้อนเดือดให้ท่วมฟองไข่ ปิดฝา 5 นาที ถ้าลูกค้าสั่งไข่แบบไม่สุกให้ลวกแค่้เวลา 3 นาที
2. ต่อยไข่ใส่แก้ว ใช้ช้อนตักไข่ขาวออกมาด้วย เสิร์ฟพร้อมกับ ซอสแม็กกี้ เกลือป่น พริกไทยป่น ให้ลูกค้าปรุงเองตามชอบใจ

2553-07-09

พฤติกรรมการดื่มกาแฟของชาว กทม.


พฤติกรรมการดื่มกาแฟของชาว กทม.
จากข้อมูล บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจพฤติกรรมการดี่มกาเเฟของคนกรุงเทพฯ จากจำนวน 356 คน โดยแยกชาย 169 คน หรือร้อยละ 47.74 % และผุ้หญิง 487 คน หรือคิดเป็น 52.53 % พบว่า ผู้ชายดื่มกาแฟมากก่วาผู้หญิง
โดยผู้ชายร้อยละ 42.11 1 ดื่มกาแฟเป็นประจำ และร้อยละ 57.89 % ดื่มบ้างเป็นบางคราว
ส่วนผู้หญิงที่ดื่มเป้นประจำคิดเพียง ร้อยละ 32.43 และอีกร้อยละ 67.57 ดื่มบ้างเป็นบางครั้ง กาแฟที่ดี่ม79.87 % เป็นกาแฟร้อน เหตุผลหลักคือแก้ง่วง และเพื่อความสดชื่น ส่วนประเภทของกาแฟที่คนกรุงเทพฯ เลือกดื่มเป็นอันดับแรกคือ กาแฟขวด คิดเป็นร้อยละ 66.19 % รองลงมาคีอ กาแฟสำเร็จรูปบรรจุกระป๋องร้อยละ 18.29 % กาแฟซองรอยละ 9.04 และกาแฟถุงร้อยละ 6.48 และปริมาณที่คน กทม.ดื่ม/วัน คือ 1.56 แก้ว/วัน ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วเป็นผู้ชายที่ดื่มมากกว่าผู้หญิง

คนกรุงเทพฯ 57.16 % ดื่มกาแฟเฉลี่ย 1 แก้ว และ 36.18 % ดื่มวันละ 2 แก้ว ส่วนที่ดื่ม 3-4 แก้ว/วัน คิดเป็น 3.33 %

ส่วนเรื่องของรสชาติของกาแฟที่คน กรุงเทพฯเลือกดื่มคือ รสมันและเข้มข้น คิดเป็น 35.99 % ,กาแฟรสขม 25.17 % ,กาแฟรสอ่อน 18.78 % ,รสหวาน 10.74 %, รสหวานนิดๆ อีก 9.32 %
โดยผู้ชายจะนิยมรสมันเข้มข้นเป็นอันดับ 1 และรสขมรองลงมา ส่วนผู้หญิงจะชอบ จะชอบรสมันและเข้มข้น เป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นรสอ่อนและรสหวาน
พฤติกรรมการดื่มการแฟของคนกรุงเทพฯ ในวันทำงานและวันหยุดจะแตกต่างกันไป คือในวันทำงาน ร้อย 44.00 % ดื่มกาแฟพร้อมอาหารเช้า อีก 22.99 % จะดื่มกาแฟในช่วงบ่าย และร้อยละ 11.38 % ดื่มกาแฟในช่วงก่อนอาหารกลางวัน

แต่ในช่วงวันหยุด 36.03 % ดื่มกาแฟไม่เป็นเวลา ,34.41 % ยังคงดื่มพร้อมอาหารเช้า
พฤติกรรมการดื่มกาแฟของชาวกรุงเทพฯเปรียบเทียบจากในอดีต พบว่า คนกรุงเทพฯดื่มกาแฟมากขึ้น สถานที่คนกรุงเทพฯเลือกจะไปดื่มกาแฟ ร้อยละ 54.37 % ดื่มกาแฟในที่ทำงาน ,32.05
% ดื่มจากที่บ้าน และนิยมดื่มตามห้างสรรพสินค้า 10.53 % ,ดื่มจากมินิมาร์ท 5.26 %
และสิ่งที่ชาวกรุงเทพฯ อยากให้ผู้ผลิตกาแฟ แลพร้านขายกาแฟปรับปรุงคือ เรื่องของ คุณภาพ ราคา และ รสชาติของกาแฟ

2553-06-08

สูตรกาแฟริมปิง

กา่แฟริมปิง

เป็นสูตรกาแฟจากทางภาคเหนือ ที่อร่อยกลมกล่อม ให้คุณสามารถดื่มด่ำกับบรรกาศริมแม่น้ำตอนค่ำๆหลังอาหารเย็น กาแฟสักถ้วยจะช่วยเติมอารมณ์สุนทรีให้กับคุณได้อย่างมากมาย
ส่วนผสม
- มะนาวผ่าครึ่ง 1 ลูก
- น้ำตาลทรายขาวบดละเอียด
- คอนยัคหรือบรั่นดี 1 ออนซ์
- ลิเคียวรสเซอรีหรือ Grand Mariner 1/2 ออนซ์
- กาแฟเอสเปรสโซ 1 ถ้วย
- วิปครีม

วิธีการชง
1. เอาน้ำตาลทรายที่บดละเอียดเทลงบนกระดาษ เกลี่ยให้กว้างประมาณ 4-5 นิ้ว
2. นำมะนาวที่ผ่าครึ่งซีก มาถูที่ขอบถ้วยกาแฟ จากนั้นให้คว่ำถ้วยกาแฟลงบนกระดาษที่เทน้ำตาลไว้ น้ำตาลจะติดรอบๆปากขอบถ้วยกาแฟ
3. นำบรั่นดีหรือคอนยัคและลิเคียวที่เตรียมไว้เทลงไปในถ้วยกาแฟ
4. ชงกาแฟเอสเปรสโขแบบดับเบิ้ลช็อทเทลงไป โดยเหลือพื้นทีห่างจากขอบถ้วยประมาณ 3/4 นิ้ว
5. เติมวิปครีมลงไปให้เต็ม
6. พร้อมเสิร์ฟได้ทันที

2553-06-07

การทำโอเลี้ยงจากกากกาแฟที่ชงแล้ว


โอเลี้ยงจากกากกาแฟที่ชงแล้ว



กากกาแฟที่เราชงเสร็จแล้ว จะเอาไปใช้ประโยชน์ได้บ้าง หลายๆคนคงคิดว่าเอาไปเป็นปุ๋ยแน่ๆ กากกาแฟที่เหลือจากการชงแค่ถ้วยเดียวก็ต้องทิ้งแล้ว จะทิ้งก็เสืยดาย มาดูวิธีการใช้ประโยชน์จากกากกาแฟที่เหลือใช้กันดูบ้างดีกว่า

ขั้นตอนการทำโอเลี้ยงจากกากกาแฟ

1.นำขวดปากกว้างมาหนึ่งใบ ล้างทำความสะอาดและผึ่งให้แห้งสนิท
2. เทกากกาแฟที่ชงแล้ว ใส่ เก็บสะสมไว้
3. เทน้ำสะอาดลงไปในขวด กะประมาณครึ่งขวด
4. ปิดฝาขวดให้สนิทและเก็บไว้ในตู้เย็น
5. ทุกครั้งที่ชงกาแฟ แล้วมีกากกาแฟเหลือก้จะเทใส่ขวดและเก็บไว้ พอได้กากกาแฟประมาณ 1/3 ของขวด
6. บดกาแฟที่คั่วแล้วแบบหยาบปานกลางเทผสมลงไปประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ
7. เติมน้ำลงไปให้เต็มขวดและเก็บไว้ในตู้เย็นต่อไปประมาณ 2 อาทิตย์
8. นำออกกากกาแฟ ออกมากรองเอาแต่น้ำและนำไปต้มไฟอ่อนๆให้ใกล้เดือด แล้วเติมน้ำตาลทิ้งไว้เย็น เก็บไว้ในตู้เย็น เวลาจะดื่มก็ผสมน้ำแข็งตามใจชอบ จะชงรสชาติจะอ่อนหรือแก่ขึ้นอยู่กับขนาดของกาแฟที่ใช้ สามารถเพิ่มหรือลดปริมาณตามความต้องการ
รสชาติโอเลี้ยงที่ได้ไม่แตกต่างที่ไปซื้อเขามากิน ที่สำคัญประหยัด และไม่มีส่วนผสมของอย่างอื่นที่ไม่ใช่เมล็ดกาแฟ

**** เคล็ดลับอีกนิดเวลาบดกาแฟผสมลงไปควรใช้กาแฟโรบัสต้าคั่วแบบเข้มหรือ Dark Roast จะทำให้โอเลี้ยงที่ได้มีรสชาติเข้มขึ้นไปอีก

ถ้าต้องการให้กาแฟมีรสชาติดีขึ้นและหอมขึ้นก่อนที่จะเทน้ำร้อนลงไปในถ้วยให้ลองใส่เกลือประมาณเท่าปลายเล็บลงไปกาแฟในถ้วยจะมีกลิ่นที่หอมและรสชาติยิ่งดีขึ้น

2553-05-19

การชงกาแฟสูตรต่างๆ


วนิลาคอฟฟี่เชค

ส่วนผสม
กาแฟชงแบบEpresso 1 ถ้วย
ไอศครีมรสวนิลา 2 ก้อน
หัวเชื้อวนิลา 1 ช้อนชา

วิธีการชง
นำส่วนผสมต่างๆลงในโถปั่น แล้วปั่นให่เข้ากัน เทใส่แก้งทรางสูง พร้อมเสิร์ฟได้ทันที


กาแฟเย็นคลายอารมณ์

ส่วนผสม
กาแฟดำเย็น 1/2 ถ้วย
นมสด 1/2 ถ้วย
น้ำตาลไม่ฟอกสี 2-3 ช้อนโต๊ะ
ผงอบเชย 1 ช้อนชา
เหล้า คาลัว หรือ Benedictine Liqueur 1 ออนซ์
วิปครีมสำหรับแต่งหน้า
น้ำแข็งบด 1 ถ้วย


วิธีการชง
1.นำส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นนมสดและวิปครีม ใส่โถปั่น
2.จากนั้นปั่นส่วนผสมให้เข้าดี แล้วเทนมสดใส่ลงไปปั่นเบาๆอีกครั้ง
3.เทใส่ถ้วยทรงสูง
4.แต่งหน้าด้วยวิปครีมและโรยผงอบเชย พร้อมเสิร์ฟทันที


สูตรกาแฟมอคค่าเย็น

ส่วนผสม
นมสด3/4 ถ้วย
กาแฟดำ 3/4 ถ้วย
หัวเชื้อวนิลา 1 ช้อนชา
ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลไม่ฟอกสี 2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็งบด

วิธีการชง
นำส่วนผสมทั้งหมดเทใส่โถปั่น ปั่นให้ละเอียด จนเนื้อเนียน
จากนั้นเทใส่แก้วทรงสูง เสิร์ฟได้ทันที

2553-05-14

กาแฟสูตรต่างๆ

การแฟใส่นม Café au Lait
ส่วนผสม ถ้วยขนาด 4-8 ออนซ์

1.นมสตอุ่นร้อนประมาณ 8o องศาเซลเซียส ครึ่งถ้วย
2.กาแฟชง แบบEspresso 1-2 ถ้วย
3.น้ำตาลทรายขาว

วิธีการทำ

อุ่นนมสดให้ร้อนและเทลงไปในถ้วยกาแฟ นำกาแฟที่ชงเสร็จแล้วเทผสมลงไป
ถ้าชอบหวานก็ให้ใส่น้ำตาลทรายขาวตามความซอบ

วิธีคนให้น้ำตาลละลายให้ลองเปลี่ยนจากการใช้ซ้อนคนมา
เป็นการใช้อบเชยหนึ่งก้านคนแทน ความร้อนจากนมและกาแฟจะช่วย
ทำให้กลินอบเชยจากก้านออกมาผสมกับกาแฟทำให้กาแฟมีรสชาติดีขึ้น
นอกจากนั้นแล้วอบเชยยังมีประโยชน์ต่อร่างกายช่วยลดคลอเรสเตอรอล
การซงกาแฟ Café au Lait นี้ไม่เหมือนกับการชง Late
การชงกาแฟ Café au Lait เป็นการชงแบบฝรังเศสใช้นมสดล้วนและ
นำไปอุ่นให้ร้อนแต่ไม่ถึงกับเลือดแล้วนำไปผสมกับกาแฟ แต่การชงกาแฟ
Latte เป็นการชงโดยเอาน้ำร้อนผสมกับนมสดแล้วจึงผสมกับกาแฟ ดัง
นั้นความหอมมันจึงสู้แบบ Café au Lait ไม่ได้ ทดลองทำชิมดูก่อนได้






กาแฟเย็นเดอลุ๊กซ์
ส่วนผสม
1.กาแฟดำเย็น 1 ถ้วย
2. น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ
3. อบเชยหนึ่งก้าน
4.นมสด 1/2 ถ้วย
5. ครีม 2 ช้อนโต๊ะ
6.ไอศกรีมรสวันลา 1-2 ก้อน
7.ผงช็อกโกแลตสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ
1. นำกาแฟน้ำตาลและอบเชยใส่กะทะใช้ใฟอ่อนๆ เคี่ยวให้น้ำ
ตาลละลาย ชิมรสชาติให้หวานกำลังดีและมีกลิ่นอบเชย ทิ้งไว้ให้เย็น
2. เมื่อกาแฟเย็นแล้ว ให้เอาก้านอบเชยออกและเทนมสดและครีมลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปเข้าตู้เย็น แช่ใหเย็นจัดแต่ใม่ถึงกับเป็น น้ำแข็ง
3. เมื่อได้เวลาจะดื่ม ก็ให้นำออกมาจากตู้เย็นเทใส่เครื่องปั่นเติมไอศกรีมลงไป ปั่นให้เข้ากันจนเนียน
4. เทใส่แก้วทรงสูง โรยหน้าด้วยผงช็อกโกแลต
5. ยกเสิร์ฟ ได้ทันที

2553-05-04

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกาแฟ

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกาแฟ

1. เรื่องไม่จริงที่ว่าการดื่มกาแฟทำโห้เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เป็นหมัน ทำให้หญิงตั้งครรภ์แท้งได้ ส่งผลให้เด็กแรกเกิตน้ำหนักน้อย เสี่ยงการเกิดไม่เร็งรังไข่ ซีสต์ในเต้านม กระดูกพรุน
น้อย เพิ่มความเฟัยงมะเร็งรังไข่ ซีสต์ในเต้านม และกระดูกพรุน

2. กาแฟดีกว่าไวน์และชาสมุนไพร...เมล็ดกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวถึง 4 เท่า และยังมากกว่าโกโก้ ชาสมุนไพรและไวน์แดง ที่มากกว่าเพราะผู้บริโภคดื่มกาแฟมากกว่าเครื่องดื่มอื่นๆ
แต่สารต้านอนุมูลอิสระโนกาแฟแต่ละถ้วยและแต่ละยี่ห้อนั้นไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับชนิดของกาแฟ

3. ไม่รู้ใช่ไหม...กาแฟช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีมะเร็งลำไส้โหฌ่ โรคพาร์คินสัน ลดอันตรายจากตับในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคตับ ลดอาการหอบในผู้ที่โรคหอบหืด เพิ่มความจำ และสำหรับนักกีฬาจะช่วยเพิมความทนและความอึดในกีฬาที่ต้องโช้เวลานาน

4. ดีแคฟ...ไม่ช่วยอะไร นักดื่มกาแฟสกัดกาเฟอีน อาจคิดว่าปลอดภัย แต่นักวิจัยเตือนว่า กาแฟสกัดกาเฟอีนอาจเพิ่มระดันกรดไขมันในเลือดให้สร้างแอลดีแอล ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลตัวร้ายได้ เพราะ
ในกระบวนการสกัดกาเฟอีนจะสกัดเอาสารเฟลโวนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและสารอื่นๆ ให้รสชาติกาแฟแท้ๆ ออกไปด้วยดังนั้น การดื่มดีแคฟ นอกจากจะอร่อยน้อยลงแล้ว ยังมีผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย

5. ต้องดื่มบอยๆ...สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพราะต้องการแก้ง่วงแนะนำให้ดื่มปริมาณน้อยๆ แต่กระจายการดื่มออกไปตลอดวัน เช่น
แทนที่จะดื่มถ้วยใหญ่ 16 ออนช์ (500 มล.) ในตอนเช้า ให้ดื่มเพียงครั้งละ 2-3 ออนซ์ (60-90 มล.) แต่บ่อยขึ้น กาแฟจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 55 นาที และจะอยู่ในร่างกายนานหลายชั่วโมง และต้องใช้เวลาถึง 6
ชั่วโมงกว่าที่จะถูกขจัดออกจากร่างกาย

6. ระวังไว้นิหน่อยก็ดี...องค์ประกอบหลักของกาแฟคือ สารกาเฟอีน
ชึ่งเป็นสารกระตุ้นที่มีผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น หรือเต้นผิดปกติในบางครั้ง และเพิ่มความดันโลหิต งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยโทรอนโทเปิดเผยว่า การดื่มกาแฟมากอาจเพิ่มความ
เสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันในผู้ที่มียีนขจัดกาเฟอีนช้า ทำโห้กาเฟอีนอยู่ ใน
กระแสเลือดนานขึ้น แต่สำหรับคนที่มียีนปกติที่ขจัดกาเฟอีนได้เร็วกาแฟ
ก็จะไม่มีผลอะไร

2553-04-22

สูตรกาแฟแบบต่างๆ

Cafe' Mocha
ส่วนผสม
กาแฟชงแบบอโรม่า ชงแบบ Espresso 1 shot
นมสดพาสเจอร์ไรส์รสจืด 90 cc.
ผงโกโก้ สูตร2 16 กรัม (ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะพูน)

วิธีทำ
กดปุ่มชงกาแฟ เพื่อชง Espresso ประมาณ 30-40 cc.
จากนั้นละลายผงโกโก้ให้เข้ากับEspresso เป่านมให้ร้อนและเป็นโฟมนม เติมนมร้อนลงไปในถ้วย ให้ปริมาณเท่ากับ Espresso ตักโฟมนมลอยด้านบนถ้วยจนเต็มขอบถ้วย

กาแฟอโรม่าที่เหมาะจะทำสูตรนี้

** Oro Espresso Italiano , Aroma Espresso , Arabica Special

**** ถ้วยกาแฟที่ใช้ : ถ้วยกาแฟร้อน ถ้าใช้ถ้วย Latte ใสแบบฝรั่งเศส ต้องชงเพิ่มเป็น 2 เท่าของสูตรข้างบน


.......................................................................

Iced Espresso Coffee
ใช้กับแก้วขนาด 16 ออนซ์

ส่วนผสม
กาแฟชงแบบอโรม่า ชงแบบ Espresso 3 shotน้ำแข็งสะอาด 1 แก้ว

วิธีทำ
กดปุ่มชงกาแฟ เพื่อชง Espresso แล้วเทลงในแก้วขนาด 16 ออนซ์ เวลาเสิร์ฟ ให้เสิร์ฟพร้อม น้ำเชื่อมและนมเย็น


กาแฟอโรม่าที่เหมาะจะทำสูตรนี้
** Oro Espresso Italiano , Aroma Espresso , Arabica Special



.........................................................................

Iced Cappuccino Coffee

ส่วนผสม
กาแฟชงแบบอโรม่า ชงแบบ Espresso 1 shotนมสดพาสเจอร์ไรส์รสจืด 30 cc.นมข้นหวาน 30 cc.นมข้นจืด 30 cc.น้ำแข็ง 1 แก้ว

วิธีทำ
นำส่วนผสมต่างๆ ผสมเข้าด้วยกัน ยกเว้นน้ำแข็ง จากนั้นเทส่วนผสมลงในแก้งที่ใส่น้ำแข็งรอไว้ อาจจะเติมโฟมนมแต่งหน้าได้ เพื่อความสวยงาม น่ากิน


กาแฟอโรม่าที่เหมาะจะทำสูตรนี้
** Aroma Espresso , Arabica Special

2553-04-09

สูตรกาแฟแบบต่างๆ

สูตรกาแฟแบบต่างๆ

*Espresso
(กาแฟร้อน ขนาด 7 ออนซ์)

ส่วนผสม
-ผงกาแฟอโรม่า 7-8 กรัม กาแฟอโรม่าที่เหมาะสำหรับสูตรนี้ได้แก่ Oro Espresso Italiano,Aroma Espresso,Arabica Special

วิธีการชง
-กดปุ่มเพื่อชงกาแฟเอสเพรสโซ่จากเครื่องชงกาแฟ ปริมาตรน้ำกาแฟ 30-45 cc.
**ใช้ถ้วยกาแฟเอสเพรสโซ่


*Amaricano

ส่วนผสม
-น้ำร้อน 120 cc.
-กาแฟอโรม่าชงแบบ เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต

วิธีการชง
-กดปุ่มเพื่อชงกาแฟเอสเพรสโซ่จากเครื่องชงกาแฟ ปริมาตรน้ำกาแฟ 30-45 cc.
-เติมน้ำร้อนลงไป 120 cc.
**ใช้ถ้วยกาแฟร้อน


*Cappuccino'

ส่วนผสม
-นมพาสเจอร์ไรซ์รสจืดเย็น 90 cc.
-กาแฟอโรม่าชงแบบ เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต

วิธีการชง
-กดปุ่มเพื่อชงกาแฟเอสเพรสโซ่จากเครื่องชงกาแฟ ปริมาตรน้ำกาแฟ 30-45 cc.
-เป่านมให้ร้อนและเป็นโฟมนม
-เติมนมร้อนลงไปในถ้วยด้วยปริมาตรเท่ากับเอสเพรสโซ่
-ตักโฟมนมลอยด้านบน จนเต็มถึงขอบถ้วยกาแฟ


*Espresso Con Panna

ส่วนประกอบ
-กาแฟอโรม่าชงแบบ เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต กาแฟอโรม่าที่เหมาะสำหรับสูตรนี้ได้แก่ Oro Espresso Italiano,Aroma Espresso,Arabica Special
-วิปปิ้งครีม ใส่กระป๋องพร้อมบีบ
* ใช้ถ้วยแบบ ถ้วยกาแฟเอสเพรสโซ่

วิธีการชง
-กดปุ่มเพื่อชงกาแฟเอสเพรสโซ่จากเครื่องชงกาแฟ ปริมาตรน้ำกาแฟ 30-45 cc.
-บีบวิปปิ้งครีมลงบนกาแฟ 1 ดอก


*Cafe' Latte

ส่วนผสม
-กาแฟอโรม่าชงแบบ เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต
-นมพาสเจอร์ไรซ์รสจืดเย็น 90-120 cc.

วิธีการชง
-กดปุ่มเพื่อชงกาแฟเอสเพรสโซ่จากเครื่องชงกาแฟ ปริมาตรน้ำกาแฟ 30-45 cc. กาแฟอโรม่าที่เหมาะสำหรับสูตรนี้ได้แก่ Oro Espresso Italiano,Aroma Espresso,Arabica Special-เป่านมให้ร้อนและเป็นโฟมนมเล็กน้อย
-เติมนมร้อนลงไปในถ้วยด้วยปริมาตร 2 เท่าของเอสเพรสโซ่
-ตักโฟมนมลอยด้านบน 1 ช้อนโต๊ะ

** ใช้ถ้วยกาแฟร้อน

2553-04-07

การบริหารจัดการ บุคคลากรในร้านกาแฟ

การบริหารจัดการ บุคคลากรในร้านกาแฟ

การบริหารจัดการร้านกาแฟ ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจที่ขาดไม่ได้อีกหนึ่งอย่าง ในการดำเนินธุรกิจร้านกาแฟ การเปิดร้านกาแฟขนาดเล็ก จะมีความคล่องตัวในการบริหารสูงกว่าร้านกาแฟฟขนาดใหญ่แนะนำว่าให้ผู้ที่สนใจทำธุรกิจนิ้ ควรเรียนรู้ภาคปฎิบัติด้วยตนเองก่อน เพื่อความเข้าใจในงานบริการ ร้านกาแฟ เพื่อป้องกันการตัดสินใจไม่ผิดพลาด ร้านกาแฟขนาดเล็ก ที่ใช้บุคลากรเพียง 1 - 2 คน
อาจจะทำให้ผู้ลงทุนมองว่าสามารถใช้ใครก็ได้มาเป็นพนักงาน อีกทั้งยังละเลยความสำคัญคิดว่าไม่จำเป็นต้องมาดูแลมากมายนัก ปล่อยให้พนักงานขายตามระบบที่วางไว้ การคิคแบบนี้อาจจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ในอนาคต จากความไม่ใส่ใจเพียงเล็กน้อย รวมทั้งการเชื่อใจบริษัทแฟรนไชส์แม่มากเกินไป ทำให้ธุรกิจร้านกาแฟของคุณไม่ประสบความสำเร็จได้
ต้องปรับความเข้าใจเสียใหม่ว่า ถึงแม้จะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก แต่การบริหารร้านกาแฟ การมีสินค้าดี การจัดการตกแต่งหน้าร้านสวยงาม การบริการเยื่ยม ยังไม่เพียงพอถ้าหากขาดพนักงานที่มีความซื่อสัตย์ พนักงานที่มีมิตรไมตรี การเสียพนักงานมือชงที่ดีไปสัก คนหนึ่ง(บาริสต้า) อาจจะส่งผลกระทบกับธุรกิจได้ และในทางตรงกันข้ามหากได้พนักงานทุจริตก็ อาจทำให้ธุรกิจแย่ได้เช่นเดียวกัน

การเซ็คเรื่องการทุจริด
อันดับแรกคือ ที่นิยมใช้ในร้านกาแฟขนาดเล็กการนับแก้ว คือ สังเกตและนับจำนวนแก้วที่ใช้ไปต่อวัน คือ ยอดขาย ถ้าเป็นร้านขนาดเล็กเป็นเคาน์เตอร์หรือ คีคอสท์ไม่แนะนำให้ใซ้แก้วแบบเซรามิก เพราะว่าใช้เเล้วก็ล้างได้ ปกติร้านขนาดเล็กไม่มีเครื่องคิคเงิน เพราะต้นทุนเครื่องคิดเงินก็ค่อนข้างแพง ดังนั้นต้องอาศัยการนับแก้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือ การเช๊คปริมาณกาแฟบดเช่น จะคำนวณว่า กาแฟบด 1 กก. ชงได้ 70 -90 แก้ว ลองประมาณจากตรงนี้เพื่อช่วยบริหารจัดการได้เช่นกัน

ส่วนรูปลักษณ์หน้าตาของร้าน การให้บริการ จะช่วยเพี่มลูกค้าให้เดินเข้ามาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับลูกค้ามากกว่า ในทำเลที่เร่งรีบ บางครั้งหน้าร้านแถบจะไม่มีที่นั่ง แค่ซื้อแล้วยืนรอ รับสินค้า การบริการต้องเร็วที่สุด ชงให้อร่อย เพื่อรีบที่จะเข้าไปทำงาน แต่บางทำเลลูกค้าต้องการเข้ามานั่งทำงาน ใช้อินเทอร์เน็ต หรีอพบปะสังสรรค์ ร้านก็ต้องเน้นบรรยากาศ แอร์์เย็นๆ มีที่นั่ง
มีบริการอี่นๆ รองรับ เบเกอรี่ หรือสินค้าอื่นๆรองรับความต้องการของลูกค้า

การส่งเสริมการขาย ส่วนพนน๑เฟรนไชส์ซีก็ควรได้รับการสนับสนุน
จากบริษัทฌ่ ที่มีการเตรียมแผนส่งเสริมการขายเเต่ก่อนเปิดร้านและต่อเนื่อง
ฤดูกาลและโอกาสให้ เช่น การแจกคูปองแถมเครื่องดี่ม 10แก้วแถม 1 แก้ว บัตรสะสม
แต้ม เพื่อแลกของรางวัลหรือเครื่องดี่ม การให้ทดลองชิมสินค้าตัวใหม่ แนะนำประจำเดือน เครื่องดื่มแล้วได้จับฉลากรับของที่ระลึกจากทางร้าน
ขื้นควรทำร่วมกันกับแผนการประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการ โฆษณาประชาสัมพันธ์แจกใบปลิว แผ่นพับ ที่ช่วยบอกรายละเอียดของสินค้า คุณสมบัติ ประโยชน์และความน่าเชื่อถือของร้าน

2553-04-03

บริษัท วีพีพี โปรเกรสซิฟ จำกัค( vpp PROGRESSIVE co., LTD) กาแฟครบวงจร




บริษัท วีพีพี โปรเกรสซิฟ จำกัค( vpp PROGRESSIVE co., LTD) กาแฟครบวงจร

กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจกาแฟครบวงจร มีประสบการณ์ด้านการทำธุรกิจกาแฟมากกว่า
10 ปี ทุรกิจกาแฟครบวงจรเริ่มตั้งแต่ธุรกิจส่งออกเมล็ดกาแฟดิบ ทำโครงการสวนกาแฟพันธุ์อราบิก้า ร่วมกับหน่วยงานรัฐบาล ผู้ผลิตผลิดภัณฑ์กาแฟคั่ว ผู้แทนจำหน่ายเครื่องชงกาแฟจาต่างประเทศ และธุรกิจกาแฟคั่วสดสไตล์อิตาเลี่ยน
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2537 บริหารงานโดย คุณวีระเดช สมบูรณ์เวชชการ
ส่งออกเมล็ดกาแฟดิบไปขายยังต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อิดาลี ตั้งโรงงานผลิตกาแฟคั่ว ที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อรองรับโครงการส่งเสริมการปลูกกาแฟที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ การดำเนินฉุรกิจ “from farm fo cup”

ปัจจุบัน วีพีพื มีสินค้าและบริการต่าง ๆ ประออบด้วย กาแฟคั่วตราวีพีพี.. ที่ผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน และควบคุมคุณภาพด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยจากต่างประเทศ เพื่อให้ได้กาแฟคุณภาพชั้นเยี่ยมมาตรฐานสากล ผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการเครื่องชงกาแฟจากต่างประเทศ บริษัทยังได้จัดทำ Maintenance program สำหรับ ลูกค้าที่เป็นบริษัทขนาด ใหญ่ รวมทั้งลูกค้าทั่วไป ที่ซื้อเครื่องชงกาแฟจากบริษัทฯ นอกจากความพร้อมของสินค้าและบริการหลังการขายของทางบริษัทฯ ยังให้บริการข้อมูลการตลาด ความรู้เชิงทฤษฏีและปฎิบื่ดเอี่ยวกับกาแฟ รวมถึงให้คำปรึกษาแนะนำสำหรับกลุ่มลูกค้าและผู้สนใจประกอบฉุรกิจร้านกาแฟในรูปแบบต่างๆ โดยจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่กลุ่มลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ

ควบคุมคุณภาพด้วย เครื่องจักร
บริษัท วีพีพื ได้นำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย สั่งตรงมาจากบราซิล เพื่อทำการแยกผลที่ได้คุณภาพและผลที่ไม่ได้คุณภาพออกจากกัน เข้าสู่แทงก์หมักเมล็ดกาแฟ ถือว่าเป็นจุดที่สำคัญ เพื่อที่จะให้รสชาติของกาแฟเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ ทั้งกลิ่นและบอร์ดี้ การหมักกับน้ำสะอาดและการใช้เวลาหมักต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญ โดยประมาณเวลาการหมักตั้งแต่ 24 - 48 ชม. มีวิธีการ
จดบันทึก วัดค่าน้ำ PH และวัดอุณหภูมิของน้ำ ตามสูตรพิเศษของวีพีพี

พอหมักได้ที่ในจุดที่ต้องการ จะนำมาเมล็ดมาล้างอีกครั้ง แล้วนำมาตากใน
ลานตากให้แห้ง ลักษณะวิธีคล้ายตากข้าว ประมาณ า0 วัน ตากตั้งแต่เช้าจนเย็น แล้ว
ตอนกลางคืน อย่า ให้น้ำค้างลงหรือเปียกชื้น พร้อมความช้นเกิดขึ้น เพื่อป้องกันเชี้อรา จากนั้นนำมากะเทาะเปลือภด้วยเครื่อง จากเมล็ดสีทองน้ำตาลจะกลายเป็นสีเขียว บรรจุใส่กระสอบ นำส่งขายต่างประเทศส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งนำเข้าโรงงานส่วนตัวของบริษัท ซึ่งวิธีสังเกตเมล็ดกาแฟดิบที่ดี จะมีกลิ่นสะอาด หอมเขียวๆ คล้ายกลิ่น
ถั่วเหลีอง สามารถพูดได้ว่า VPP มีความพร้อมครบวงจร ตั้งแต่แหล่งปลูกกาแฟที่แน่นอน การคำนึงถึงการดูแลทุกขั้นตอนเพี่อให้ได้มาชึ่งวัตถดิบที่มีคุณภาพ
เมื่อเมล็ดกาแฟถูกลำเลียงขนส่งจนถึงโรงงานคั่วกาแฟที่มหาชัย ก็ต้องได้รับ
การคัดสรรทำความสะอาดฉันอีกครั้ง และมาแยกขนาดของเมล็ด ให้มีขนาดที่เท่าเทียม
กัน ก่อนที่จะคั่ว ด้วยเหตุผลที่ว่าบางเมล็ด เวลาเราเข้าสู่กระบวนการคั่วแล้ว เมล็ดที่เล็ก
มากๆ จะสุกเร็วกว่าเมล็ดใหญ่
ในการคั่ว 1 ครั้ง หากมีเมล็ดต่างไซส์กันเป็นจำนวนมาก ก็จะทำได้คุณภาพของกาแฟ
ที่ไม่เท่ากัน เครี่องคั่วเป็นสิ่งสำคัญอันดับ 2 หลังจากได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพแล้ว การ
ที่จะสามารถดึงความหอมออกมาจากดัวเมล็ดกาแฟได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับเครื่อง
คั่วและเทคนิควิธีการคั่วของแต่ละบุคคล

วิธีการคั่วถือเป็นสูตรเฉพาะ ต้องรู้ว่าจะคั่วในอุณหภูมิอย่างไร เวลาเท่าไรที่
เหมาะสม ที่จะดึงองค์ประกอบสารต่างๆ ในเมล็ดกาเเฟออกมา เช่น น้ำมันในเมล็ด
เมื่อถึงอุณหกูมิหนึ่งก็จะแตกกลิ่นออกมา ทำการเปลื่ยนสสาร ฉะนั้นเราจึงพบว่าใน
ธรรมชาติของกาแฟ ถ้าจิบโดยไม่ผลมอะไรเลย จะมีความหวานอยู่ในตัว
สำหรับวีพีพี วิธีการคั่วจะไม่ตายตัวแต่สูตรเดียว เพราะแต่ละกาแฟที่เข้ามา
ในฤดกาลไม่เหมือนกัน ดังนั้นวิธีการคั่วก็จะต่างกันด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นกาแฟ
ต้นฤดู ซึ่งเป็นกาแฟที่มีความเขียวสดอยู่ ก็จะมีการคั่วอีกแบบ แต่ถ้าเป็นกาแฟปลาย
ฤดู จะเริ่มเบา แห้ง การคั่วก็จะอีกแบบ เป็นศาสตร์การคั่วที่ต้องเรียนูร้เฉพาะ
การคั่วด้วยเครื่องจะใช้อุณหภูมิที่ระดับ 200 - 220 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิ
ที่เหมาะสม เคื่องคั่วต้องมีมาตรฐาน ต้องมีการตั้งระบบ Air FoW และแรงดัน
อย่างเหมาะสม โดยใช้เวลาในการคั่วเฉลี่ยประมาณ 15 - 25 นาทีี ตามระดับการคั่วที่
ต้องการ โดยเเต่ละสูตรการคั่ว 1 ครั้ง เครื่องสามารถรองรับการคั่วได้ 10O กก.
และต้องคั่วปีต่อปี
สำหรับสูตรแต่ละสูตร จะถูกเเปรสภาพออกมาให้ เหมาะสมกับคอกาแฟแต่ละแบบ ลูกค้าบางท่านชอบความเข้มข้นมาก กรรมวิธีการคั่วก็ต้องใช้เวลา 20 - 25 นาที
หากชอบกาแฟอ่อนๆก็จะใช้เวลราวๆ 15 - 20 นาที แต่ทั้งนี้ต้อง
มีองค์ประกอบของอุหภูมิ และระบบอากาศที่หมุนเวียนเป็นตัวกำหนดให้รสชาติกาแฟแตกต่างกันด้วย
ถึงปัจจุบัน สูตรผลิตภัณฑ์กาแฟ vpp มีให้คอกาแฟเลือก มากมายดังนี้


Espresso blend , Mocha blend , Execlutive blend , Premier blend , D’Oro to go (Golden espresso) , 9ล9..

การเก็บรักษาที่ดี ตัวแปรรสชาติ
การเก็บกาแฟที่คั่วบดเสร็จแล้ว บรรจุลงในบรรจุภัณฑ์ วีพีพีจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก โดยรูปลักษณ์ของชองคุณสมบัติจะต้องมีความหนา ด้วยเหตุผลที่ว่าการจำหน่ายที่วางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตทำให้คุณภาพของสินค้าต้องมีอายุมากกว่าสำหรับเทคนิควิธีการเก็บรักษาให้คงอยู่ยาวนาน หลังจากคั่วเสร็จจะทำการบดทันที และนำไปบรรจอยู่ในซองที่คัดสรรความหนาเพื่อไม่ให้อากาศแทรกซึมเข้าไปได้
ตรงซองมีการติดวาล์วระบายอากาศ ทำหน้าที่ระบายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา เนื่องจากโดยฐรรมชาติของกาแฟที่คัวบดใหม่ๆ จะมีการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ก๊าซออกซิเจนเข้ามาทำปฎิกัรยา ออกซิเดชั่น ซึ่งจะเป็นผลให้เกิดการเหม็นหืน ดังนั้นซองบรรจุกาแฟจึงจำเป็นต้องมีการติดวาล์วระบายอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้ก๊าซอัดแน่นและดันชองกาแฟให้แตกได้ อีกทั้งช่วยยืดอายุการเก็บรักษาของกาแฟคั่วบดให้ยาวนาขี้น

เคล็ดลับ การ ชง
การชงกาแฟให้อร่อย เริ่มตั้งแต่การตั้งค่าเครื่องชงในอุณหภูมิที่เหมาะสม มี

แรงดันระหว่าง 8 - 10 บาร์ เมล็ดกาแฟยิ่งสัมผัสอากาศนานเท่าไหร่ ความหอม อร่อยก้จะยิ่งหายไป
ดังนั้นพยายามบดแล้วทำการชงในทันที และการบดก็จะต้องบดให้ได้ความละเอียด ที่เหมาะสม เพื่อกลั่นเอาตัวเนี้อกาแฟ ถ้าบดหยาบเกินไปน้ำที่ผ่านเร็ว จะไม่สามารถ ดึงรสชาติจากเนี้อกาแฟมาได้ หรือถ้าบดละเอียดเกินไป น้ำที่ผ่านตัวเนื้อกาแฟแบบช้าๆ
จะทำให้ได้กาแฟ ที่มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ติดมาด้วย
การชงเอสเพร่ที่มีคุณภาพ ในระดับปริมาณกาแฟ 1 ถ้วยเล็ก ใช้เวลา
ชงไม่เกิน 20 - 25 วินาที วัดอุณหภูมิน้ำที่ได้ต้องไม่เกิน 95 องศาเซลเชียส และเมื่อ
กาแฟอยูในด้วยพร้อมเสริ์ฟ จะได้อุณหภูมิอยู่ที่ 75 - 80 องศาเซลเซียส

แฟรนไชส์กาแฟน้องใหม่ “First Cup Coffee”
ณ วันนี้ของบริษัทวีพีพี จึงประสบความสำเร็จ ทั้งในภาคผู้ผลิตและผู้จำหน่าย
กาแฟทั้งในและต่างประเทศ และการเปิดร้านกาแฟดิโอโร่ 80 สาขาทั่วประเทศ รวม
ถึงการเป็นเซ็นเตอร์อบรม ปรึกษาและให้คำแนะนำการเปิดร้านกาแฟให้กับคนที่สนใจ
ช่วยส่งเสริมให้ทุกคนมีอาชีพเป็นของตนเองตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
วันนี้ วีพีพี มีแผนการตลาดล่าสุด ที่จะเปิดตัวและขยายงานแฟรนไชส์ ในส่วนของ
“First Cup Coffee”ให้กับผู้ที่สนใจอยากเปิดร้านกาแฟเป็นของตนเอง แต่ต้อง
ความยืดหยุ่นคอนเซ็ปต์ของแฟรนไชส์ “First Cup Coffee”
เป็นร้านกาแฟสดในแนวคิดใหม่ Bright up your day with “First Cup Coffee”
จุดเริ่มต้นของความสดชื่น ชื่งเกิดจากการพัฒนาโดยทีมงานร้านกาแฟ Cafe D' oro
และบริษัทวีพีพี โปรเกรสซีฟ จำกัด เพื่อเป็นร้านกาแฟสำหรับคอกาแฟที่ต้องการ
ดื่มกาแฟสดอร่อย ราคาประหยัดในสูตรกาแฟที่ได้ผ่านการพัฒนาจนมีความเหมาะสมั กับกล่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลาง ซึ่งต้องการเครื่องมือและของว่างในช่วงก่อนเริ่มงานตอนเช้าหรือเติมความสดชื่นในช่วงบ่าย ด้วยราคาสมเหดุสมผล สามารถใช้บริการได้ทุกวัน และด้วย
ประสบการณร้านกาแฟ ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่าคุณภาพของสินค้าและบริการมีมาตรฐาน
“First Cup Coffee” เหมาะกับลูกค้าที่อยากเปิดร้านกาแฟ ซื้อผลิตภัณฑ์กาแฟ
สูตรของ Firsf cup coffee เรามีการบริการครบวงจร ตั้งแต่วิธีการชงให้ได้มาตรฐาน
แล้วก็มีการขายบรรจุภัณฑ์ เป็น one stop service ไม่มีค่าแฟรนไชส์ ลูกค้าสามารถเอาชื่อแบรนด์เราไปติดตั้งและก็ขายได้ทันที

สำหรับรูปแบบร้าน
สามารถเริ่มต้นธุรกิจด้วยลักษณะของการเป็นคอนเนอร์
ขนาดเล็กที่ 3 x 2.5 เมตร หรือจะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของขนาดพี้นที่ของลูกค้า
โดยมีราคาเริ่มด้น ที่ 156,910 บาท ก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจร้านกาแฟ“First Cup Coffee”ร้านกาแฟสด ที่มีกลุ่มสินค้าจำหน่ายภายในร้าน ทั้งเครื่องดื่มกาแฟสูตร
ราคา 25 - 35 บาท เครื่องดื่มกาแฟสูตรเย็น ราคา 40 - 45 บาท เบเกอรี่ และ
ขนมของว่าง ราคา 15 - 40 บาท
โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์การใช้ชื่อ และเครื่องหมายการค้า “First Cup Coffee”
การดำเนินธุรกิจ ได้รับสิทธิในการซื้อกาแฟ คั่วบด สูตร “First Cup Coffee”และ
สินค้าอื่นๆ ทีมีเครื่องหมายการค้า “First Cup Coffee”ในราคาพิเศษได้รับการสนับสนุนการขาย การประชาสัมพันฉ์ หรือร่วมกิจกิจกรรมส่งเสริมการขายกับทางบริษัท ได้
รับสิทธิในการเข้าฝึกอบรมพนักงาน ปีละ 2 ครั้ง ได้รับคู่มือ ในการบริหารจัดการร้าน
พร้อมสูตรเครี่องดื่มต่างๆ ได้รับคำแนะนำและข้อเสนอแนะ พร้อมระบบตรวจสอบควบ
คุมคณภาพ ในการปฏิบัติงาน

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเปิดร้านกาแฟ “First Cup Coffee”
สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท วีพีพี โปรเกรสซีพ จำกัด 726/728 ถ.รัชดาภิเษก (ท่าพระ-ตากสิน)
แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพฯ โทร. 02-876-0291-5 fax. 02-876-0350 หรือที่

www.vppcoffee.com